เรื่องคลื่นสมองกับฮอร์โมนสำคัญมาก ถ้ารู้จักว่าวิธีไหน การกระทำใด ปรับจูนคลื่นสมองและฮอร์โมนให้ลงมาพอดี จะมีผลต่อพัฒนาการของเด็กมาก
- เช่น.. เด็กผู้ชาย ฮอร์โมนเพศชายออกมามาก จะกระตุ้นให้ก้าวร้าว ถ้าเราเอาเข้าฟิตเนสเล่นกล้าม ฮอร์โมนพวกนี้จะถูกนำไปสร้างกล้ามเนื้อ
และสมองส่วนจิตสำนึกจะทำงานดีขึ้น จะกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีขึ้น การเข้าฟิตเนสในวัยที่ฮอร์โมนกำลังพุ่งพล่าน
เป็นสิ่งที่ดีเพราะอย่างน้อย ก็ไม่ค่อยเห็นเด็กหุ่นดี กล้ามสวยคนไหนไปวิ่งไล่ตีใคร ส่วนมากพอเวลากล้ามสวยหุ่นดีแล้ว จะเป็นที่ชื่นชมของทุกคน ( โดยเฉพาะสาว ๆ )
จะลดความก้าวร้าวและการแสดงออกผิดๆ โดยไม่รู้จะเกเรไปทำไม ในเมือตัวเองมีจุดเด่นอยู่แล้ว คนหุ่นดี เสียงเพราะ มีโอกาสทางอาชีพได้มากมาย ทำไมต้องกลัวเด็กมันจะหล่อสวย ในเมื่อมันจำเป็นสำหรับชีวิตที่เหลือ
- (ยกเว้นไปบวช แหม.. เป็นพระหล่อผิวดี เสียงเพราะ ยังชวนศรัทธามากกว่าจริงไหม?? การดูแลตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอยู่ในสังคม )
ผู้เขียนเองต้องตื่นตีสี่ไปขายของกับแม่ตั้งแต่อยู่อนุบาลจนจบประถม กลับมาต้องกวาดหน้าบ้าน รดน้ำต้นไม้ทั่วบ้านในขณะที่ตัวกับกระป๋องแทบจะสูงเท่ากัน
สิ่งที่เคยบ่นและรำคาญ โตมาถึงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นคนสู้งาน และสำนึกบุญคุณพ่อแม่ได้ง่าย
- การได้เห็นความเหน็ดเหนื่อยของพ่อแม่ ทำให้พยายามหาเงินเองตั้งแต่ประถม เปิดร้านขายน้ำแข็งใส ขายมะม่วงดอง ทำด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด
เก็บเศษตะปูมาชั่งกิโลขาย และทำอีกสารพัดตอนปิดเทอม ความจริงผมไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินใช้สบายเพราะเป็นลูกคนเล็กที่แม่ตามใจมาก
แต่การเห็นพ่อแม่ทำงานเหนื่อยแค่ไหนมาตั้งแต่เกิด กว่าจะขายของได้กำไรแต่ละบาท ทำให้ไม่อยากรบกวน และขวนขวายอยากหาเงินเอง โดยไม่ต้องมีใครสั่งให้ทำ
- ผมโดนบังคับให้ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ต้องเรียนคำสอนหลังเลิกเรียน ต้องสวดมนต์ทุกวัน แม่พาเข้าวัด จับหยอดเงินทำบุญประจำ ฯลฯ
แถมพ่อยังเน้นเรื่องมารยาทอย่างเข้มงวด เดินเสียงดัง ปิดประตูเสียงดัง เจอผู้ใหญ่ไม่ไหว้ ไม่นอบน้อม รับรองโดนตีตาย
ในขณะที่พ่อแม่สมัยนี้เห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย และไม่ค่อยสอนกันเลย เด็กเลยโตมาเป็นคนเนรคุณ จำไว้ว่าลูกจะโตมาเป็นคนกตัญญูได้ต้องสอนไว้ตั้งแต่เล็ก
- ถ้าคุณสอนให้เขาเหยียดยามดูถูกคนที่เขารับเงินจากคุณในการซื้อของ มันจะซึมซับการเป็นผู้สั่ง การไม่เห็นในบุญคุณของคน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ทั้งหมดที่พ่อแม่ผมปลูกฝังไว้ คงทำให้มีข้อมูลด้านดีในจิตใต้สำนึกพอควร ที่แม้จะเสเพลติดเหล้ายาอย่างหนักในตอนวัยรุ่นด้วยสิ่งแวดล้อมพาไป
สุดท้าย “จิตใต้สำนึก” ก็ปรากฏเป็นความคิดเตือนตัวเอง และลากออกมาจากสิ่งเหล่านั้นได้ในที่สุด
ซึ่งตรงตามทฤษฎีเรื่องของจิตที่กล่าวมาข้างต้น คือเอาไปเปรียบเทียบกัน ในชีวิตวัยเด็กเราเคยมีความสุข เคยสวดมนต์ เข้าโบสถ์ทำความดีและมีความสุขอย่างไร
พอมาเสพยา ติดเหล้า ติดการพนัน มีความทุกข์อย่างไร จิตใต้สำนึกมันชั่งน้ำหนักกันได้และเห็นว่า ควรจะเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ และภาพความรักของแม่ที่ปรากฏขึ้นมาว่า..
- ไม่อยากทำให้แม่เสียใจไปมากกว่านี้ นั่นเป็นอีกจุดที่ผมเริ่มต้นอยากทำดีเพื่อแม่ โดยการเลิกบุหรี่ก่อน
จากประสบการณ์ตรงจึงเชื่อมั่นว่าการสอนเด็กที่ดี ควรเริ่มตั้งแต่เล็กและช่วงก่อนมีฮอร์โมนเพศ ไม่ใช่ตามแก้ปัญหาตอนเกือบสายไป
เพราะถ้าไม่สะสมข้อมูลด้านดีให้ลูกแต่เล็ก แล้วจะให้เป็นคนดีตอนโตหรือกลับตัวจากคนชั่ว มันคงไม่ง่ายเหมือนสลับปลั๊กไฟ
ถึงจะยากแต่ไม่มีคำว่าสายไป เกิดเป็นคนได้ต้องมีบุญเก่าพอควร ขอแค่เข้าใจและใช้แนวทางแก้ไขให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- อย่างน้อยลูกหรือลูกศิษย์ชั่วของคุณ มันต้องลดความเลวลงได้อีกระดับแน่นอน สำคัญคือคุณมีจิตเมตตาและความพยายามมากแค่ไหน !!
สมัยก่อนช่วงที่ยังจมกับอบายมุข ผมไม่เคยหยุดสวดมนต์ ในขณะที่คนอื่นหาว่าดัดจริต เลวขนาดนี้จะมาสวดมนต์ทำไม ??
คงเป็นความเคยชินเพราะทำมาแต่เด็ก ผมทำควบคู่ไปจนวันหนึ่งจิตเริ่มบอกตัวเองว่าควรเลิกสิ่งเหล่านี้ซะ เพราะมีแต่นำทุกข์มาให้
- แถมมีคำพูดจากสิ่งเหนือธรรมชาติที่เคยเจอตอนจะฆ่าตัวตาย เป็นแรงกระตุ้นเพิ่มอีกด้วย (เจอมาเยอะ เจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้หลอนนะ)
จะบังเอิญหรือโชคดีไม่รู้ ช่วงนั้นมีรายการทีวีสั้น ๆ เกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ฉายทุกสัปดาห์ คนเราถ้ามีใครพูดกรอกหูเรื่อย ๆ จิตคล้อยตามได้ง่ายนะ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คิดว่า... “เราต้องเลิกบุหรี่ให้ได้ก่อนดีกว่า”
พยายามทำตามคำแนะนำในทีวี ไปซื้อหนังสือที่วางขายมาอ่านหลายเล่ม สุดท้ายล้มเหลวหมด ทำไม่ได้สักอย่าง
- อยากถามคนเขียนหนังสือเหลือเกินว่า.. เคยติดยาหรือเปล่าฟร๊ะ ?? อ่านแล้วทำตามโคตรยาก !!
สุดท้ายผมคิดค้นวิธีเลิกบุหรี่ด้วยตัวเองจนได้ ขณะที่ยังกินเหล้าวันละกลมเหมือนเดิม ใครสูบบุหรี่จะรู้ว่า.. การเลิกบุหรี่แต่ยังกินเหล้า ไม่ง่ายเลยเพราะมันของคู่กัน
แถมยังร้องเพลงกลางคืน ต้องเจอคนสูบบุหรี่ควันขโมงให้เห็นทุกวัน แต่เลิกได้หน้าตาเฉย
- ช่วงแรกของการเลิกบุหรี่ จะเกิดผลสะท้อนมากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว ทั้งอารมณ์หงุดหงิดหาสาเหตุไม่ได้ พาลทะเลาะไปทั่วจนโดนไล่ออกจากงาน !!
ถ้าใครจะเลิกบุหรี่แล้วไม่อยากมีปัญหาตามมา ควรลาพักร้อน งดรับแขก งดพบลูกค้าเด็ดขาด
หรือต้องบอกให้ทุกคนเข้าใจว่า ช่วงนี้จะเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้เราหงุดหงิดและแสดงออกไม่ดี ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอให้ทุกคนให้อภัย
- ศาสตร์แห่งจิตใต้สำนึกทำให้ผมรู้ภายหลังว่า ที่เราติดอะไรอยู่ก็ตาม ส่วนหนึ่งมันเกิดจากมีข้อมูลเป็นประจำส่งไปที่จิตใต้สำนึก เลยทำให้เกิดการเข้าใจผิด
เกิดการเสพติด คิดว่าขาดไปแล้วจะไม่มีความสุข ถ้าต้องการเลิกเด็ดขาดชนิดไม่หวนกลับไปอีก เราต้องถอนข้อมูลขยะในจิตใต้สำนึกออกมา
เราปลูกความเข้าใจผิดไว้ทีละน้อยจนมันเติบโตฝังลึกไว้ จึงต้องใช้เวลาให้ข้อมูลใหม่ที่ถูกต้องทีละน้อยจนจิตมีกำลังก่อน แล้วค่อยถอนรากออกให้หมดจดอีกที
แนะนำเพิ่มเติมสำหรับเลิกบุหรี่ใหม่ ๆ ลองแวะไปหาหมอทางด้านจิตเวช ขอยาเพื่อบรรเทาอาการหงุดหงิด จะได้ไม่มีปัญหากับคนรอบข้าง
เพราะบางทีปัญหามันใหญ่กว่าที่คิด เกิดคุณจะต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว แล้วโดนไล่ออกจากงานเพราะว่าไปพาลหงุดหงิด
- พอเลิกบุหรี่แล้วมันมีผลต่อสมองจริง ๆ มันจะพาลแบบที่คุณไม่รู้ตัว อันนี้รวมถึงยาเสพติดชนิดอื่นด้วยนะครับ
วิธีการเลิกบุหรี่ของผมอันดับแรกคือ.. “การโปรแกรมจิตใหม่ทั้งหมด” โดยยืดเวลาสิ่งที่เคยชินออกไปเรื่อย ๆ
คนติดบุหรี่มักเกิดจากสูบทันทีหลังอาหาร หรือเข้าห้องน้ำ มันเป็นสองเวลาสำคัญที่ภาวะจิตกับสมองจะเสพติดอะไรได้ง่าย หลายคนที่สูบแล้วไม่ติด นอกจากเพราะไม่มีวิบากเก่าจากชาติก่อนให้ติดง่าย
ก็เกิดจากไม่เคยสูบหลังอาหารและไม่สูบตอนเข้าห้องน้ำ แต่ถ้ามาสูบสองเวลานี้ประจำเมื่อไหร่ ติดแหงกทุกราย (แต่มักปากแข็งบอกว่าไม่ติด)
- การหักดิบเลิกกะทันหันอาจส่งผลเสียหลายด้าน ถึงเลิกได้อาจมีปัญหาสุขภาพตามมาทีหลัง
วิธีค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้ได้ผลดีกว่าในระยะยาว เริ่มต้นด้วย.. “ยืดเวลาสูบบุหรี่หลังอาหารทุกมื้อ”
กำหนดให้ตายตัวว่าจะเอาวันละเท่าไหร่ เช่นวันแรก หลังอาหาร 3 นาทีแล้วค่อยสูบบุหรี่ วันที่สอง 5 นาทีแล้วค่อยสูบ วันที่สาม 10 นาทีแล้วค่อยสูบ
ยืดไปเรื่อยทุกวันจนเป็นเว้นชั่วโมงสองชั่วโมงหลังอาหาร และอย่าสูบบุหรี่หมดมวนเด็ดขาด
- ให้สูบหรือดูดสักครึ่งมวนแล้วพอ แล้วเก็บไว้สูบครั้งต่อไป การเก็บไว้สูบต่อ กับเว้นเวลาหลังอาหาร จะทำให้บุหรี่ไม่อร่อย สูบแล้วไม่ชื่นใจ
- ทำแบบนี้ไปเรื่อย จนถึงขั้นสูบวันเว้นวัน จนถึงไม่สูบเลยเป็นสัปดาห์ จะทำให้หลายคนเลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น
เป็นการป้อนข้อมูลด้านลบให้จิตใต้สำนึกเรื่อย ๆ เมื่อสูบทุกครั้งมันไม่ชื่นใจ ไม่อร่อย วันหนึ่งมันจะรู้สึกเองว่า “แล้วกูจะสูบไปทำไม”
ที่มันติดอยู่ทุกวันนี่ เพราะกินข้าวปุ๊บสูบปั๊บ มันอร่อยไง!! มันเลยโหยหา คิดว่าสิ่งนี้เป็นความสุข ความจริงเมื่ออยากบุหรี่
- ลองหายใจลึก ๆ แล้วจินตนาการพ่นลมเห็นกลุ่มควันลอยออกไป จะรู้สึกสบายใจ ทดแทนการสูบบุหรี่ได้ระดับหนึ่ง
วิธีเลิกบุหรี่แนวนี้ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากและน่าจะเหมาะกับทุกคน ร่างกายเคยรับนิโคตินทุกวัน อยู่ดีไปหักดิบ มันประท้วงเจ็บป่วยเอาได้นะครับ
ดังนั้นการทยอยเลิกทีละน้อย ยืดเวลาสูบหลังอาหารไปเรื่อยจนเลิกสูบได้ จะเป็นวิธีที่น่าจะโอเคที่สุด ซึ่งได้ผลอย่างมั่นคงกับผู้เขียนมาแล้ว
- อีกปัญหาของคนเลิกบุหรี่ไม่ได้ คือ.. จิตใต้สำนึกไม่ยอมรับ ชอบหลอกตัวเองว่าไม่ติด หรือติดแล้วไม่เสียหายอะไร
มันจะมีข้ออ้างเสมอเพราะเสพติดมานาน ไม่อยากพรากสุขที่เคยได้เสพเป็นประจำ จึงไม่มีกำลังใจพอที่จะเลิกหรือทำตามขั้นตอนการเว้นหลังอาหารได้อย่างจริงจัง
ดังนั้นเราต้องแก้ด้วยการโปรแกรมจิตเสริมเข้าไป โดยหาเวลาทำสมาธิ สวดมนต์ หรือนั่งฟังเพลงบรรเลงเบา ๆ
- พอจิตสงบ ลองหลับตาจินตนาการย้อนคิดถึงตอนเราเป็นเด็กเล็ก เรามีความสุขแค่ไหน ถามใจตัวเองว่าเมื่อก่อนไม่มีบุหรี่ เรามีความสุขกว่าตอนนี้ไหม?
การทำอะไรก็ตาม ถ้าให้ใจสงบสักเล็กน้อยแล้วถามตัวเองบ่อย ๆ มันจะมีคำตอบให้ตัวเองได้วันหนึ่งครับ จิตจะเห็นชัดว่าทำตัวแบบไหนมีสุขมากกว่า
และทุกครั้งที่คุณจะเสพอะไร บุหรี่ เกมหรือละคร อย่าไปบังคับจิตว่าต้องเลิก แต่ให้ถามตัวเองบ่อย ๆ ทั้งก่อนทำ ขณะทำ หลังทำ ว่าทำแล้วได้อะไร เป็นสุขจริงไหม ดีจริงแล้วหรือ ?
หรือหาโทษของมันมาคิดถึง มาพิจารณาเรื่อย ๆ สักวันคำตอบมันจะผุดขึ้นมาเอง แล้วเราจะเลิกหลงใหลกับสุขจอมปลอมเหล่านี้ได้ง่าย แถมเกิดภูมิคุ้มกันไม่กลับไปมัวเมาอีกครั้งได้มั่นคงขึ้น
- คนเลิกบุหรี่ได้ จะพบว่าการเลิกเหล้า-การพนัน การห้ามใจเรื่องอื่นจะเลิกง่ายขึ้นตามลำดับ
- การติดบุหรี่คือ.. “กิเลส” การเลิกบุหรี่ได้ คือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่พิสูจน์ได้ว่า เราชนะกิเลสแบบหยาบได้แล้ว
การเลิกบุหรี่เป็นผลดีต่อสุขภาพกายและใจทันที สารพัดสารพิษจำนวนมาก ที่ทำร้ายให้ร่างกายเจ็บป่วย ทำให้แก่เร็ว ก่อโรคหลายชนิด
อย่ามัวแต่กล่าวธรรมะพรั่งพรูแต่ยังดูดบุหรี่ควันฉุย คนสูบบุหรี่เป็นสิ่งน่ารังเกียจในสังคม แถมยังส่งผลทำลายสุขภาพคนรอบข้าง
คุณเดินสูบไปเนี่ย เชื่อไหมว่าคนเขาด่าคุณไปตลอดทาง คนที่เขาไม่สูบเขาเหม็น เขาก็บ่น อดสาปแช่งคุณไม่ได้
- คิดดูว่าคุณสูบทุกวัน คนสาปแช่งทุกวัน วันหนึ่งกี่คนนับไป ปีหนึ่งกี่ร้อยคน แรงสาปแช่งนี่มีผลนะ เป็นกระแสจิตที่ส่งมา
จะพิจารณาด้านไหน “บุหรี่” ก็มีแต่ข้อเสียมหาศาล แต่ก็แปลกสินค้าทำลายชีวิตคนขนาดนี้ กลับถูกกฎหมาย และมีวางขายหาซื้อง่ายมาก ต่อให้ขึ้นราคาแค่ไหน ก็ยังมีคนซื้อเพราะมันยังเลิกไม่ได้ แถมมีการ(แอบ)แบ่งขาย
- น่าแปลกที่บุหรี่หาประโยชน์ไม่ได้เลย มีแต่โทษล้วน ๆ (หนักกว่าฝุ่น pm 2.5) หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่า รัฐบาลเอาเงินมารณรงค์ให้คนเลิกบุหรี่ เอาไปปิดโรงงานผลิตบุหรี่จะง่ายกว่าไหม ??
จะอ้างอะไรก็อ้างไปของมันไม่ดี ทำลายสุขภาพ บวก ลบ คุณ หารแล้ว ทำกฎหมายไปเลยว่าลงทะเบียนคนสูบบุหรี่ วันนี้ ปีนี้ มีคนสูบบุหรี่เท่าไหร่
- แล้วต่อไปนี้... เด็กรุ่นใหม่ห้ามสูบ ใครสูบผิดกฎหมายเท่ากับเสพยาอี/ไอซ์ (กล้าหรือเปล่า??)
แค่นี้รับรอง..คนสูบบุหรี่จะหายไปจากประเทศไทยทั้งหมด เหลือแต่คนสูบเก่า ๆ ก็ผลิตให้แต่คนพวกนี้สูบ
หรือจับบำบัดจนกว่าเขาจะเลิกได้แค่นั้นเอง ดูแล้วไม่ได้ยากอะไร แต่ไม่ทำกันเอง สิ่งชั่ว ๆ ทำร้ายสุขภาพ ทำร้ายสังคมหละ ถูกกฏหมายได้หน้าตาเฉย !!
- มันถึงได้ฉิบหายยาวนานมาถึงทุกวันนี้ รัฐต้องสูญเงินไปกับการรักษาคนเป็นโรคจากบุหรี่ ปี ๆ หนึ่งเท่าไหร่
- ต่อให้ได้ภาษีบุหรี่มาแค่ไหน ก็ไม่พอค่ารักษาหรอก เพราะมันก่อสารพัดโรคจริง ๆ
(อ่านบทความอื่น)
(โทรศัพท์:กดที่ = มุมขวาบนสุด)