ครูอาจารย์สอนไว้..ถ้ามีปัญหาหัวใจ หรือปัญหาทุกข์ใจอื่น ๆ นอกจากบุญที่ต้องทำกับพ่อแม่ก่อน ให้ลองออกไปทำบุญให้หลากหลายติดต่อกันสักเจ็ดวัน
ทำบุญให้ความรักด้วยการซื้ออาหารเลี้ยงหมาแมวข้างถนน ให้อาหารปลา ไปช่วยเลี้ยงเด็กกำพร้าตามมูลนิธิ ซื้อขนมของเล่นให้เด็กเร่ร่อน เยี่ยมคนถูกทิ้งในบ้านพักคนชรา
ช่วยกิจกรรมของมูลนิธิต่างๆ ถวายเพลพระที่ รพ.สงฆ์ ตักบาตร ถวายสังฆทาน ฯลฯ
- การเดินทางไปทำบุญเพียงลำพัง จะทำให้เกิดความเข้มแข็งทางจิต
คนทุกข์เพราะรักส่วนใหญ่มักมีจิตที่จ้องพึ่งพา หากำลังใจจากคนอื่น ถ้าต่างคนต่างต้องการความรักจากอีกฝ่าย เป็นเหมือนเสือที่ผลัดกันกินเนื้อ จึงต้องทุกข์ทั้งคู่
จะมีสุขจริงต้องเกิดจากต่างปรารถนาดี อยากทำให้อีกฝ่ายมีความสุข อยากให้คนที่เรารักมีความสุข ไม่ใช่อยากได้ความสุขจากคนที่เรารัก
ส่วนใหญ่บอกรักมาก สุดท้ายรักตัวเองทั้งนั้น ต้องการให้เขาเป็นของเราคนเดียว เขาชอบคนอื่นแล้ว แต่ไม่ยอมให้เขาไปมีความสุขในคนที่เขาต้องการ!!
- การทำบุญในที่นี้หมายถึงคนที่ยังโสด หรือคนที่เพิ่งอกหัก แต่สำหรับคนกำลังมีคู่ การดูแลเอาใจใส่ ดูแลคนรักให้ดี เป็นสิ่งจำเป็นมาก
การพูดจาสุภาพต่อกัน ทุกอย่างที่คุณปฏิบัติกับเขาไว้ ขอให้ทำเหมือนสมัยเพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ ๆ รับรองได้ว่า.. คู่ของคุณโอกาสจะนอกใจเป็นไปได้น้อยมาก (การทำดีกับแฟน=ทำบุญ)
การทำบุญคนเดียวเหมาะสำหรับคนโสด,พึ่งโดนทิ้ง หรือต้องการเพิ่มความเข้มแข็งทางจิตเฉพาะบุคคล แต่ไม่เหมาะกับคู่รักหรือคนในครอบครัว ที่ควรพาไปทำบุญร่วมกันเป็นประจำ
ให้สังเกต.. แม่บ้านที่ชอบไปทำบุญคนเดียว มักมีปัญหาครอบครัวได้ง่าย ทั้งลูกดื้อ ผัวมีเมียน้อย
- ทำความดีจะเกิดคลื่นพลังบวก มัวเมากิเลสจะเกิดคลื่นพลังลบกระจายแผ่รอบตัว พลังงานที่ต่างกันจะผลักกัน จะทำให้รู้สึกไม่ลงรอยกัน
จึงไม่แปลกที่ลูกกับผัวจะเบื่อขี้หน้าแม่และเมียได้ง่าย สั่งสอนบอกอะไรไม่อยากฟัง : คนชั่วอยู่ใกล้คนชั่วแล้วสดชื่นมีความสุข ลูกจึงไปมั่วกับเพื่อนชั่ว ผัวไปร่าเริงกับผู้หญิงที่ชั่วพอกัน
เป็นการจำแนกคนแต่ละกลุ่มโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเลวจะคบกับคนเลวเท่านั้น ( หรือช่วงกรรมเก่าให้ผล อาจหลงรักคนเลวจนโงหัวไม่ขึ้น )
การพาคนในครอบครัวหรือคู่รักไปทำกิจกรรมกุศลร่วมกันบ่อย ๆ จะส่งให้เกิดสายใยบุญผูกใจไว้ เมื่อมีพลังบุญเท่ากัน อยู่ร่วมกันจะอบอุ่นมีสุข ทำอะไรถูกคอถูกใจไปหมด
การพาไปทำบุญยังเดาได้ว่าเป็นคู่บุญหรือคู่เวรมาก่อน โดยมากคนเป็นคู่บุญมาก่อน มักชวนทำบุญโดยไม่ต้องบอกหรือต้องบังคับ ทำได้ราบลื่น
- ต่างกับคู่เวรที่ชวนไปยาก อุปสรรคมาก มีเหตุให้เจ็บป่วย รถเสีย อาจผิดใจกันอย่างไม่มีสาเหตุทั้งก่อนและหลังทำบุญ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นคู่บุญหรือคู่เวรมาก่อน อย่าลืมหลักที่ว่า.. "ดวงและทุกอย่างเปลี่ยนได้ด้วยกรรมปัจจุบัน" คู่บุญที่ไม่ชวนกันทำบุญ ไม่นานอาจกลายเป็นคู่เวร
คู่เวรที่กรรมเล่นงานให้ต้องมาครองคู่เพื่อทำร้ายกัน หากตั้งมั่นร่วมทำความดีอย่างสม่ำเสมอ อาจเปลี่ยนเป็นคู่บุญ ครองคู่อย่างมีสุขได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอดทนพยายามสูง สร้างกุศลให้มากกว่าอีกหลายเท่า
หลักของการทำบุญแก้กรรม คือจิตที่สำนึกผิดและยอมรับว่าทุกข์ที่เจอคือสิ่งที่เราเคยทำไว้และกำลังชดใช้คืน เจ็บแค่ไหนให้นึกย้อนให้ได้ว่า เราต้องเคยทำกับคนอื่นไว้เท่านี้หรืออาจจะมากกว่านี้หลายเท่า
- ที่เจออยู่คือการใช้หนี้ซึ่งมันจะหมดและบรรเทาไปในไม่นาน ตั้งจิตสมาทานรักษาศีลข้อสามอย่างเข้มงวด ต่อไปจะไม่ทำผิดด้านนี้อีกแล้ว
ทำบุญทุกครั้งอุทิศให้กับคนที่เราเคยทำร้าย เคยเป็นชู้หรือแย่งคนรักเขามาก่อน แม้จะเป็นอดีตชาติที่เราไม่อาจรู้ชื่อได้ก็ตาม
สวดมนต์ทำสมาธิและกราบขออโหสิกรรม ขอให้เขายกโทษให้ ทำให้เป็นประจำ ย้ำสัญญากับตัวเองให้ได้ว่า.. เข็ดแล้วจะไม่ทำอีกแล้ว จะตั้งต้นเป็นคนใหม่ รักษาศีลโดยเฉพาะข้อสามให้บริสุทธิ์ให้ได้
- การร่วมเผยแพร่ธรรมะ ฟังธรรมะให้หลากหลายเป็นประจำ จะทำให้เกิดปัญญาและมองเห็นความจริงได้ชัด เป็นการทำบุญแก้กรรมให้ตนเองที่ง่ายที่สุด
เพราะจะทำผิดจนต้องทุกข์อีกก็เพราะขาดปัญญาและขาดสติ เมื่อมีบุญมีศีลทำดีให้ถึงพร้อม เชื่อมั่นได้เลยว่า กฎแห่งกรรมจะจัดสรรคนดี ๆ สิ่งดี ๆ เข้ามาให้ในเวลาไม่นาน
แต่ห้ามทำดีด้วยใจโลภอยากได้คนดีมาเป็นคู่รักนะครับ ของดีถึงเวลาจะมาเอง แม้อยู่คนละมุมโลกก็ตาม
- สำหรับคนที่ทำกรรมร้ายแรงจนอภัยได้ยาก อาจต้องบวชถือศีล ครองพรหมจรรย์ ครองชีวิตโสดเท่านั้น ถึงจะเป็นการแก้กรรมที่ผ่อนหนักเป็นเบาได้
บางคนกรรมหนักชนิดที่ว่า มีคู่เมื่อไหร่ต้องโดนนอกใจเมื่อนั้น ไม่มีทางมีความสุขกับชีวิตคู่ได้เลย ซึ่งไม่ควรเสียใจหรือเสียดาย
เพราะต่อให้เป็นคนที่สมหวังกับความรัก วันหนึ่งต้องทุกข์ใจแสนสาหัสเมื่อคนรักตายจากไปเช่นเดียวกัน โสดแค่เหงา แต่คงไม่เศร้าปริ่มจะขาดใจเท่าคนรักตายต่อหน้า
- หลายคนอาภัพรักเลยได้ดีทางธรรม อาจสุขกว่าเป็นล้านเท่า (ทุ่มเทรักพ่อแม่ดีที่สุด สุขกว่ามาก)
แนะนำเพิ่มเติมนอกเหนือจากการทำบุญให้ถูกด้าน ให้งดฟังเพลงเศร้า งดอยู่ในที่แคบหรือสถานที่เดิม ๆ ที่กระตุ้นให้คิดถึง
พยายามอย่าอยู่นิ่ง ให้หากิจกรรมเคลื่อนไหว ออกกำลังกาย เดินเล่นในสถานที่อากาศดีๆ (ถ้าเดินแบบเจริญสติจะดีมาก โดยระลึกว่า กำลังก้าวเท้าซ้ายหรือขวา เท้าไหนกระทบพื้น )
สำหรับคนพึ่งเจ็บใหม่แทบทนไม่ไหว อาจต้องพึ่งยาแก้แพ้ที่ไม่อันตรายเข้าช่วย เช่น.. Cyproheptadine หรือ Hydroxyzine HCL จะดีกว่ากินเหล้าหรือเสพยาเสพติด
ยากลุ่มแก้แพ้หลายตัว จะทำให้ง่วงสุด ๆ ใน 3 วันแรก หิวข้าวมาก อย่างน้อยกินได้นอนหลับในช่วงแรกบ้างก็ยังดี เพราะถ้ากินไม่ได้นอนไม่หลับจะมีผลต่อสมองและเพิ่มความเครียดจนคิดสั้นได้ง่ายขึ้นอีก
- ยังมีคลื่นเสียงบำบัด Brain Waves เปิดฟังผ่อนคลาย หลับง่าย หาฟังได้จาก YouTube
ความสำคัญของการแก้ปัญหา หลายอย่างอยู่ที่การอดทน รอให้เวลาผ่านไป ไม่ใช่สารพัดเหตุผลที่หลายคนรุมเข้ามาสั่งสอนจนกลายเป็นซ้ำเติมคนที่กำลังทุกข์ใจให้เครียดหนักกว่าเดิม
เรื่องของใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คงไม่สามารถอธิบายได้ครบถ้วนในเนื้อพื้นที่อันจำกัดนี้ ขอแนะนำเพิ่มเติมให้อ่านหนังสือ รักแท้มีจริง-ดังตฤณ และที่ไม่อยากให้พลาดคือ CD เสียงอ่านประกอบเพลงเรื่อง “รู้จักรัก”
- ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังทุกข์เพราะรัก ในฐานะที่เคยเจอมาสาหัสจนนิยายน้ำเน่าต้องอายเหมือนกัน แค่อดทนหาอะไรทำอย่าให้ว่าง เมื่อเวลาผ่านไป จะขำตัวเองว่า.. ไม่น่าไปเศร้ากับมนุษย์ขี้เหม็นคนนั้นเลย
หมายเหตุ : Cyproheptadine เป็นยาแก้แพ้ ปกติใช้กินครั้งละเม็ด วันละ 1-3 ครั้งก่อนหรือหลังอาหาร กินแล้วจะมีอาการข้างเคียงคือทำให้ง่วงมากในสามวันแรก (อาจมีใจสั่นหงุดหงิดเล็กน้อย)
หลังกินสามวันแล้วจะไม่ง่วง แต่จะหิวข้าว กินข้าวอร่อยขึ้น ถ้าหยุดกิน 1-2 วัน แล้วกลับมากินใหม่ จะง่วงอีกครั้ง
- มีการนำยาตัวนี้มาขายราคาแพงมากในเน็ต เพื่อเป็นยาช่วยอ้วน โดยจ่ายพร้อมวิตมินบีรวม ทั้งที่ปกติเม็ดละบาทเท่านั้น
เด็กต่ำกว่า 16 ปีควรหลีกเลี่ยงเพราะขัดขวางกระบวนการเจริญเติบโต (แต่กลับมีในยาเจริญอาหารเด็ก)
มียาแก้เมารถและแก้แพ้อีกหลายตัวที่กินแล้วส่งอาการข้างเคียงให้ง่วงนอนหรือหิวข้าว ซึ่งปลอดภัยหากไม่ได้กินประจำ ลองถามเภสัชกรดู
เวลาเจ็บเจียนตายมันทำใจยาก ดังนั้นจึงแนะนำเผื่อเป็นตัวช่วยในยามคับขัน ซึ่งดีว่าทุกข์ใจทนไม่ไหวต้องฆ่าตัวตาย หรือไปเสพยาเสพติดชนิดอื่น แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็น อย่าใช้ต่อเนื่องนานเกินไปนะครับ
- อีกหนทางสำหรับคนมีปัญหาชีวิตในทุกด้าน เจ็บเจียนตาย นอนไม่หลับ ชีวิตไม่สดใส จิตใจหดหู่ แนะนำให้หาแพทย์ทางด้านจิตเวชโดยตรงจะดีกว่า แต่ควรเป็นเอกชน
คนทำงานหนักมาก เป็นโรคเครียดโดยไม่รู้ตัวกันเยอะ อย่าคิดว่าต้องบ้าถึงหาหมอแนวนี้ คนในปัจจุบัน สังคมเมืองที่มีความเครียดสะสมควรพบจิตแพทย์บ้าง
เขาจะมียาช่วยให้ผ่อนคลาย หลับง่าย ช่วยเรื่องบรรเทาทุกข์ทางใจได้ดีมาก (แพทย์โบราณใช้กัญชาผสมทำสูตรยา ซึ่งตอนนี้เรามีความหวังขึ้นมาก หลังจากเริ่มยอมรับกันทั่วโลก ว่าไม่ใช่ยาเสพติดอันตราย)
- คนอกหัก ผิดหวัง อาจหาแพทย์จิตเวช อย่างน้อยยาเคมีให้ผลดีในช่วงคับขันของชีวิต พอผ่านได้สักพัก ค่อยมาหาทางทำใจกัน
ซึ่งคนประสบเหตุใหม่ หลายคนสู้ไม่ไหวหรอก ต้องจ่ายยาเท่านั้น ถึงจะเอาอยู่ ยังมีการยืนยันจากแพทย์ว่า.. แม้แต่เด็กบางคนก้าวร้าว ไม่ใช่เด็กดื้อ แต่เพราะมีปัญหาเคมีในสมองหลั่งไม่เท่ากันหรือแปรปรวน ต้องพึ่งยาเท่านั้น
ให้ดุด่าตีให้ตาย ก็ไม่หาย บางอย่างต้องพึ่งแพทย์ อย่าคิดว่าทำใจอย่างเดียวพอ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นบางคนที่เคยเสพยา จะมีปัญหาเรื่องสมอง ควรหาแพทย์ เพื่อจ่ายยาปรับสารเคมีในสมอง