จิตมีพลัง บุญแต่ละด้านให้ผลต่างกัน
“กรรม” เป็นเรื่อง “อจินไตย” คือเรื่องที่ปุถุชนเข้าใจถูกต้องถ่องแท้ได้ยาก ผู้จะเข้าใจได้ลึกซึ้งคือพระพุทธเจ้าหรือระดับพระอรหันต์
ดังนั้นปุถุชน(แม้เป็นนักบวช) ที่อ้างเป็นหมอดู ร่างทรง เห็นกรรม ฝากพิจารณาว่าเชื่อได้จริงหรือ?? เขาเคยอ่านพระไตรปิฎกหรือยัง?? รู้จักการเจริญสติที่ถูกหรือไม่ ??
การบิดเบือนหลักธรรมโทษแรงเท่าทำร้ายพระพุทธเจ้า หลายคนบิดเบือนหลอกลวงทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจมานาน ส่งผลเบื้องต้นที่หน้าตาเริ่มดูเพี้ยน หมองคล้ำ ตาลอย หลุกหลิก บางคนใบหน้าบวม บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปทรง
- บางคนถึงขั้นบิดใจให้เพ้อเจ้อ แต่งตัวประหลาด แนวคิดเริ่มขาดเหตุผลหนักขึ้น มักถูกดึงห่างพุทธศาสนาด้วยมอบกายถวายชีวิตบูชาผี-เทพเจ้า
การไหว้เทวดาไม่ผิด แต่ต้องไหว้แบบเด็กเคารพผู้ใหญ่ เคารพในความดีที่เขาเคยทำจนได้มาเกิดเป็นเทวดา ไม่ใช่ไหว้เพื่อหวังยึดเป็นที่พึ่ง
สำหรับชาวพุทธ(แท้) เทพที่อาจไหว้เสริมจากพระรัตนตรัย ด้วยความเคารพ ควรเป็นเทพที่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเท่านั้น เช่น.. พระอินทร์ คือท้าวสักกะ พระพรหม (ผู้บรรลุสมาธิขั้นสูงจนได้เกิดเป็นพรหม ไม่ใช่ผู้สร้างโลกนะครับ) ฯลฯ
ส่วนเทพศาสนาอื่น เท่าที่ศึกษามาจากครูบาอาจารย์คือ.. เป็นสมมติเทพ เป็นเทพที่สมมติเอาคุณธรรมแต่ละด้านมาตั้งชื่อ ตั้งเรื่องราว ให้เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นกุศโลบายให้อยู่ในกรอบของความดีงาม เพื่อจิตมีสิ่งยึดเหนี่ยว
- หลายคนเถียงว่า.. เทพเหล่านั้นมีจริง อยากให้ลองอ่านประวัติให้ดีว่า เกิดจากใครแต่ง ลองฟังเรื่องปฏิวัติความงมงาย ของหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ ท่านอาจจะเข้าใจ
เทพที่แม้ไม่มีจริง แต่เมื่อมีกลุ่มคนจำนวนมากศรัทธา พลังจิตของทุกคน สามารถสร้างบางสิ่งขึ้นมายึดเหนี่ยวและเกิดพลังได้จริง บางทีก็เป็นเทพเทวดาที่สวมรอยแทน เพื่อรับสิ่งบูชา เพื่อต้องการบริวาร
ซึ่งใครจะนับถือต่อไปก็ได้ตามศรัทธา แต่ควรเข้าใจแก่นคำสอนที่สำคัญของลัทธิที่บูชาเทพเหล่านั้นด้วย อย่างฮินดูก็มีการทำสมาธิฝึกตนได้ในระดับสูง มีคุณธรรมสูงได้เช่นกัน (เรื่องเทพเป็นเพียงเปลือก แก่นคือการปฏิบัติทางจิต)
และโปรดเข้าใจว่า.. ถ้าคิดว่าเป็นชาวพุทธแท้ และจะบรรลุธรรมเป็นอริยะได้จริง ต้องยึดพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งสูงสุดเท่านั้น
- ซึ่งมีพระอรหันต์ที่เด่นในด้านต่าง ๆ อีกเป็นร้อยท่านให้กราบไหว้ และมีอยู่จริง ( บทชินบัญชร ถ้าแปลออกจะเข้าใจว่า.. คือการไหว้-ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสาวกนั่นเอง )
บูชาสิ่งใดจะได้พลังสิ่งนั้นเข้าตัว บูชาผีก็มีพลังแบบผี วิญญาณที่ยังมีกิเลสอาจช่วยให้รวยได้ในบางคน แต่มักรวยแบบหลงโลก รวยแบบมีทุกข์ตามมา ไม่สามารถพึ่งพาตนเอง และปฏิบัติธรรมข้ามพ้นทุกข์ได้ยาก (หรือไม่ได้เลย) และอาจต้องตกเป็นทาสบริวารในภพเบื้องหน้า
ตรงข้ามกับการบูชาแน่วแน่ในการยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่จะได้พลังพุทธะเข้าตัว เป็นมงคลสูงสุดเป็นพลังแห่งมหาปัญญา จะรวยแบบมีสติไม่หลงโลก มีสุขได้ยั่งยืนกว่า
แต่อาจรอผลนานหน่อย เหมือนไม้ยืนต้นที่ให้ผลต่างกับพืชไร่ราคาถูก เราไม่ได้นับถือศาสนาเพื่อให้รวย แต่ความรวยเป็นผลพลอยได้ เหมือนปลูกมะม่วงต้องได้ต้นมะม่วง ไม่มีทางโตเป็นทุเรียน!!
อย่าสับสนเอาหลักของพระที่ควรสละทุกอย่างทางโลกมาใช้กับคนธรรมดา ฆราวาสธรรม คือหลักเพื่อมีชีวิตฆราวาสได้อย่างสุขสมบูรณ์ (ในเส้นทางแห่งการทำดี เว้นบาป)
- เรื่องอจินไตยเป็นเรื่องไม่ควรเอามาคิด แต่หมายถึงในแง่พยายามวิเคราะห์เจาะลึกขณะสติปัญญาไม่พร้อม ไม่ได้หมายถึงห้ามศึกษาเรียนรู้
การศึกษาเรื่องกรรมมีประโยชน์มาก แต่ต้องศึกษาให้ถูกต้องในระดับพอดี เช่น.. ให้เกิดศรัทธาในกรรมว่าส่งผลในอนาคตได้จริง
คล้ายเจอต้นมะม่วง ควรรู้พอเข้าใจภาพรวมว่าเป็นต้นที่ออกผลกินได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทั้งต้นมีกี่ใบ แต่ละใบมีกี่เซลล์ ฯลฯ
พระพุทธองค์รู้แจ้งทุกสรรพสิ่ง แต่หลายเรื่องจะไม่ยืนยันว่าต้องเกิดสิ่งนั้นแน่ ๆ แต่ตรัสประมาณว่า.. หากทำสิ่งนี้จะได้ผลแบบนี้ เช่น หากยังมีคนปฏิบัติธรรมถูกต้อง ศาสนาจะอยู่เกินห้าพันปี ไม่ได้ฟันธงว่าศาสนาจะอยู่ได้แค่ห้าพันปี
แสดงให้เห็นว่า.. "กรรมปัจจุบัน" เป็นหลักสำคัญที่เปลี่ยนดวงชะตาและเส้นทางชีวิตได้จริง
- การทำบาปแต่ละด้านส่งผลต่างกัน ทำบุญแต่ละอย่างมีอานิสงส์ต่างกัน บุญบาปไม่เคยหายไปไหน เราทำบุญล้างบาปไม่ได้ก็จริง แต่ใช้บุญ (ด้วยใจสำนึกผิด) ถ่วงดุลอำนาจผลกรรมจากบาปได้
ต้องขอโทษสำนึกผิดต่อเจ้าทรัพย์ ทำดีไถ่โทษจนกว่าเขาจะอภัย หรือรับโทษสมความผิดที่ทำ ไม่ใช่ขโมยของเขาไป แต่พอสำนึกผิด ดันเอาเงินไปซื้อปลาปล่อย ทำหนังสือธรรมะแจก
- แม้เป็นความดีแต่มันไม่ตรงด้านความผิดที่เคยทำ เผยแผ่ธรรมะส่งให้เกิดปัญญา แต่โอกาสถูกไฟไหม้บ้าน ถูกขโมยของ ยังมีเปอร์เซ็นต์เท่าเดิม จากผลกรรมที่เคยขโมยหรือโกงคนอื่น
บางคนคิดว่าตนได้ทำความดีเป็นประจำ แต่ชีวิตบัดซบเจออุปสรรค ส่วนใหญ่เพราะทำดีไม่มากพอ และมักทำไม่ถูกด้านกับบาปที่เคยทำไว้นั่นเอง
อาจมียกเว้น เช่น.. ผู้บำเพ็ญบารมี ที่ต้องเจออุปสรรคปัญหา มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ยิ่งมีจิตต้องการช่วยคนในวงกว้าง ก็เท่ากับไปยุ่งกับกรรมของคนอื่น แรงกระแทก อุปสรรคย่อมมากกว่าอีกหลายเท่า
ถามใจตัวเอง ข่าวในทีวี ขนาดเขาทำกับคนอื่น เราคนดูยังแค้นแทบตาย อยากให้เขาได้รับโทษ ลองคิดดูว่า ถ้าคุณถูกฆ่าตายแบบทรมาน ถูกโกงจนหมดตัว ฯลฯ เขาต้องทำดีกับคุณเท่าไหร่ ถึงยอมให้อภัย !!
- หลายเรื่องวิทยาศาสตร์ก็หาเหตุผลไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนรู้ซึ้งดี เพราะเจอมาจนชิน บางทีก็เจ้ากรรมนายเวรที่ยังไม่ยอม เขาก็ไม่ยอมให้เราได้ทำบุญง่าย ๆ เขาอยากเห็นเราได้รับทุกข์ให้สาสมความแค้น
ถามใจตัวเอง ข่าวในทีวี ขนาดเขาทำกับคนอื่น เราคนดูยังแค้นแทบตาย อยากให้เขาได้รับโทษ ลองคิดดูว่า ถ้าคุณถูกฆ่าตายแบบทรมาน ถูกโกงจนหมดตัว ฯลฯ เขาต้องทำดีกับคุณเท่าไหร่ ถึงยอมให้อภัย !!
(อ่านบทความอื่น)
(โทรศัพท์:กดที่ = มุมขวาบนสุด)