"บุญเกิดได้ทุกเวลา" ที่ชื่นชมความดีคนอื่นแม้ทำในใจ เป็นวิบากสะสมในจิต ?(เป็นเมตตาจิต) ส่งให้อนาคต มีโอกาสทำดีได้ง่าย
มีพลังจิตด้านดีสะสมไว้มาก เดินไปไหนคนเข้าใกล้จะรู้สึกเป็นมิตร มองเราแต่แง่ดี ซึ่งคุณอาจเคยเจอใครครั้งแรกแล้วรู้สึกเกลียดหรือรักอย่างไม่มีเหตุผล
มีหลักว่าคนประเภทเดียวกันจะชื่นชมกันการถูกชื่นชมสำหรับบางคนอาจเพราะเลวพอกัน การถูกรังเกียจอาจเพราะธรรมชาติของคนเลวจะรู้สึกเกลียดคนดีได้ง่าย
- หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เทศน์ไว้ว่า.. “การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น ..
... การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย”
(ต้องแยกแยะด้วยว่า การตำหนิจับผิด หาข้อผิดแม้จะมีเล็กน้อยมาตำหนิ หรือมาคัดค้าน กับการติเพื่อก่อด้วยความรู้จริง และสามารถแนะนำใด้ถูกระดับกับแต่ละคน เป็นสิ่งที่แตกต่างกันสิ้นเชิง )
คนส่วนใหญ่สะสมบาปจากการด่าสาปแช่งคนเลว (ซึ่งมีให้เห็นทุกวันจากข่าว) เมื่อทำบ่อยจะเกิดเป็นพลังงานไม่ดีสะสมในตัว ดึงดูดเอาคนไม่ดี สิ่งไม่ดีเข้าหาได้ง่าย ส่งให้หงุดหงิดทุกข์ใจ จิตไหลลงต่ำง่ายขึ้นกว่าเดิม มีผลต่อสุขภาพ
จากการทดลองเรื่องคลื่นความรู้สึกโกรธที่กลั่นมาเป็นคำหยาบแม้แต่คิดในใจ สามารถทำผลึกน้ำบิดเบี้ยวได้ ทำให้ร่างกายหลั่งสารพิษและระบบภายในเสียสมดุล ยิ่งโกรธยิ่งด่าคนอื่นจึงยิ่งทำร้ายตัวเอง
- ครูบาอาจารย์สอนว่าความโกรธเป็นอาหารของยักษ์ คนขาดบุญหรือศีลคุ้ม จังหวะกรรมให้ผล คนขาดสติ จะทำให้วิญญาณร้ายเข้าสิงได้ง่าย
ยักษ์ทางศาสนาไม่ได้หมายถึงสัตว์ประหลาดตัวโต แต่เป็นอมนุษย์โทสะแรงมีหลายรูปแบบ การขาดสติจากความโกรธหรือการเมา (ผิดศีล) จะเป็นช่วงที่วิญญาณร้ายแทรกแทรงความคิดได้
ลองสังเกตบางคนเวลาโกรธหรือขาดสติ อาจแปลกใจว่าทำไมนิสัยเปลี่ยนเป็นคนละคน ซึ่งในพระวินัยมีบันทึกไว้ว่า..
- พระพุทธเจ้าตรัสอนุญาตให้พระฉันเนื้อดิบเลือดสดได้เฉพาะเวลาที่พระอาพาธจากการถูกอมนุษย์เข้าสิงเท่านั้น เป็นข้อพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านี้มีอยู่จริง
การด่าสาปแช่งแม้คนทำเลว เท่ากับผูกกรรมเวรกับเขา จิตที่อยากให้เขาถูกลงโทษให้สาสม อาจส่งไปเกิดเป็นนายนิรบาลเพื่อลงโทษสัตว์นรกได้เต็มที่ มีบุญจะได้เป็นเทวดาสุขสบาย กลับต้องไปอยู่ในนรก
การสะใจที่ได้ลงโทษแม้แต่ความคิด อาจนำสู่ภพหน้าให้เกิดเป็นนายจ้างใจร้ายลงโทษลูกจ้างแบบรุนแรงอย่างที่เห็นในข่าวก็เป็นได้
- วิธีที่ดีเมื่อเห็นคนทำผิด ต้องคิดถึงกฎแห่งกรรมว่าจะสนองคืนคนชั่วอย่างสาสมเอง ใครที่โดนทำร้ายต้องเคยทำคนอื่นไว้ก่อน
ถ้าระลึกชาติได้จนเห็นผู้ชายใจเหี้ยมฆ่าข่มขืนร้อยศพ แต่ปัจจุบันกลายเป็น.. เด็กน้อยน่าสงสาร ถูกกระทำคืน เราคงไม่โกรธใครเลย แต่จะรู้สึกสลดและสงสารเขาทั้งคู่แทน
มีวิธีสร้างเกราะป้องกันเบื้องต้นด้วยการอธิษฐานทันทีที่เห็นคนทำชั่วหรือเมื่อเห็นคนเจอเรื่องร้ายว่า “ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าทำไว้ดีแล้ว ขออย่าได้มีโอกาสทำผิดแบบนี้ หรือได้ทำกรรมที่ต้องเกิดมาเป็น มาเจอเหตุการณ์แบบนี้”
ตามด้วยการแผ่กุศลส่งให้พวกเขาทั้งหมด ขอให้ไปดีมีสุข ได้เกิดในภพภูมิที่ดีในวันหน้า กลับตัวกลับใจ อย่าได้ทำผิดบาปอย่าจองเวรกันอีกเลย
- การให้อภัยเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การลงโทษตามกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องทำตามสมควรนะครับ
คนส่วนใหญ่มักด่าทอกันด้วยความโกรธ ใครเชื่อไม่เหมือนตนกลายเป็นคนเลวคนโง่ทั้งหมด อาหารว่างคือการหาข้อเสียคนอื่นมาตำหนิ พยายามสั่งสอนลูกหลานชาวบ้านให้เป็นอย่างที่ตนต้องการ แต่กลับไม่สามารถขัดเกลาคนใกล้ตัวหรือลูกหลานตนเองได้เลย
การตำหนิด้วยเจตนาจ้องจับผิดหรือตั้งใจยกตนข่มท่านล้วนเป็นความเลวทั้งนั้น แม้แต่การด่าแบบสุภาพด้วยการยกคำพระมาอ้างเพื่อตำหนิคนอื่นก็มีเห็นทั่วไป
ควรพิจารณาตนให้มาก ดูแลลูกหลานและคนใกล้ตัวให้ดีก่อน จึงค่อยเผื่อแผ่มาตักเตือนแนะนำผู้อื่นด้วยความหวังดี แต่ต้องมั่นใจว่าเรารู้ลึกรู้จริง กล่าวได้ถูกเวลา ถูกบุคคล อธิบายได้ถูกระดับสติปัญญาของเขา
ต้องดูว่าเขายอมรับศรัทธาในตัวเราหรือไม่ ควรทำด้วยเจตนาแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกัน เพื่อรักษาความจริงหรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ต้องเคารพความคิดของอีกฝ่ายด้วย
- "ถ้ายังไม่สำเร็จเป็นพระอริยะ อย่ามั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองรู้จะถูกต้องที่สุด" (.. คำสอนพระพุทธเจ้า ..)
ตัวอย่างเช่นสอนเด็กอนุบาลด้วยการเล่าเป็นนิทานให้แง่คิด ไม่มาเสียเวลาอธิบายเหตุผลแบบผู้ใหญ่ให้เข้าใจ คน(โง่กว่า)ผ่านมาก็ถากถางว่า.. สอนเด็กแบบนี้ปัญญาอ่อนไร้สาระ ไม่ถูกต้องไม่ถูกหลักการ
- ตัวอย่างคนที่ฉลาดจนดูเป็นคนโง่คือ ไอสไตน์ ที่ฉลาดกว่าครูหลายเท่า คิดซ้อนลึกกว่าคนทั่วไปหลายชั้น จนตอนเด็กถูกครูมองว่าโง่ และสมองทึบ !!
ถ้ามาเกิดเมืองไทย ไอสไตน์จะไม่มีทางเป็นอัจฉริยะได้เลย ด้วยระบบการศึกษาไทย และการบังคับทุกอย่างตั้งแต่เล็ก คือ เสื้อผ้าหน้าผม
จริตของคนเป็นอัจฉริยะแนวทางหนึ่งที่เห็นกันบ่อยคือ จะมีเอกลักษณ์ในรูปลักษณ์ของตน แตกต่างคนอื่นชัดเจน ไม่ใช่ไว้ผมยาวแล้วจะเป็นคนฉลาดคนดี
แต่การได้เป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่รัก เลือกในสิ่งที่ชอบ (แม้แต่ทรงผม) ทำให้จิตและสมองพัฒนาได้ดีกว่า เสื้อผ้าในวัยเด็กที่เป็นอิสระก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง "วินัยสอนได้ด้วยจิตสำนึกเหตุผล ไม่ใช่การบังคับ ที่รอวันแหกกฎเสมอ"
- สังคมไทยเราเสื่อมลงทุกวันเพราะสุดโต่งไปสองด้าน ด่าตำหนิด้วยความโกรธ ไม่สามารถอธิบายในระดับที่เหมาะสมกับบุคคลนั้นได้
ขาดคำแนะนำหาทางออกให้คนทำผิดได้แก้ตัว เน้นต้องลงโทษรุนแรง ต้องกำจัดคนคิดไม่เหมือนเรา ฯลฯ
อีกพวกคือนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ใครจะแนะนำด้วยความหวังดีอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหา ไม่ยอมเข้าใจ ไม่ยอมฟัง
แถมตำหนิออกมาห้าม เหมือนเห็นเด็กทำผิดแทนที่จะช่วยกันตักเตือนสั่งสอน ให้เขาไม่ต้องทำผิดหนักไปอีก กลับบอกว่าอย่าสนใจให้ดูแต่ตัวเอง เราเป็นคนดีก็พอ