Skip to main content

กรรมด้านวาจา ตอน 2

"บุญเกิดได้ทุกเวลา" ที่ชื่นชมความดีคนอื่นแม้ทำในใจ เป็นวิบากสะสมในจิต ?(เป็นเมตตาจิต) ส่งให้อนาคต มีโอกาสทำดีได้ง่าย  


มีพลังจิตด้านดีสะสมไว้มาก เดินไปไหนคนเข้าใกล้จะรู้สึกเป็นมิตร มองเราแต่แง่ดี  ซึ่งคุณอาจเคยเจอใครครั้งแรกแล้วรู้สึกเกลียดหรือรักอย่างไม่มีเหตุผล 

         มีหลักว่าคนประเภทเดียวกันจะชื่นชมกันการถูกชื่นชมสำหรับบางคนอาจเพราะเลวพอกัน การถูกรังเกียจอาจเพราะธรรมชาติของคนเลวจะรู้สึกเกลียดคนดีได้ง่าย 
  
  • หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เทศน์ไว้ว่า..  “การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย   ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น  ..  
... นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย    จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน


... การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย”  



(ต้องแยกแยะด้วยว่า การตำหนิจับผิด หาข้อผิดแม้จะมีเล็กน้อยมาตำหนิ หรือมาคัดค้าน กับการติเพื่อก่อด้วยความรู้จริง และสามารถแนะนำใด้ถูกระดับกับแต่ละคน เป็นสิ่งที่แตกต่างกันสิ้นเชิง )


         คนส่วนใหญ่สะสมบาปจากการด่าสาปแช่งคนเลว (ซึ่งมีให้เห็นทุกวันจากข่าว)  เมื่อทำบ่อยจะเกิดเป็นพลังงานไม่ดีสะสมในตัว ดึงดูดเอาคนไม่ดี สิ่งไม่ดีเข้าหาได้ง่าย ส่งให้หงุดหงิดทุกข์ใจ จิตไหลลงต่ำง่ายขึ้นกว่าเดิม  มีผลต่อสุขภาพ

จากการทดลองเรื่องคลื่นความรู้สึกโกรธที่กลั่นมาเป็นคำหยาบแม้แต่คิดในใจ สามารถทำผลึกน้ำบิดเบี้ยวได้  ทำให้ร่างกายหลั่งสารพิษและระบบภายในเสียสมดุล  ยิ่งโกรธยิ่งด่าคนอื่นจึงยิ่งทำร้ายตัวเอง  


  • ครูบาอาจารย์สอนว่าความโกรธเป็นอาหารของยักษ์   คนขาดบุญหรือศีลคุ้ม  จังหวะกรรมให้ผล  คนขาดสติ   จะทำให้วิญญาณร้ายเข้าสิงได้ง่าย 


ยักษ์ทางศาสนาไม่ได้หมายถึงสัตว์ประหลาดตัวโต แต่เป็นอมนุษย์โทสะแรงมีหลายรูปแบบ การขาดสติจากความโกรธหรือการเมา (ผิดศีล) จะเป็นช่วงที่วิญญาณร้ายแทรกแทรงความคิดได้  

ลองสังเกตบางคนเวลาโกรธหรือขาดสติ อาจแปลกใจว่าทำไมนิสัยเปลี่ยนเป็นคนละคน  ซึ่งในพระวินัยมีบันทึกไว้ว่า.. 

  • พระพุทธเจ้าตรัสอนุญาตให้พระฉันเนื้อดิบเลือดสดได้เฉพาะเวลาที่พระอาพาธจากการถูกอมนุษย์เข้าสิงเท่านั้น เป็นข้อพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านี้มีอยู่จริง



         การด่าสาปแช่งแม้คนทำเลว เท่ากับผูกกรรมเวรกับเขา  จิตที่อยากให้เขาถูกลงโทษให้สาสม  อาจส่งไปเกิดเป็นนายนิรบาลเพื่อลงโทษสัตว์นรกได้เต็มที่  มีบุญจะได้เป็นเทวดาสุขสบาย กลับต้องไปอยู่ในนรก  

การสะใจที่ได้ลงโทษแม้แต่ความคิด  อาจนำสู่ภพหน้าให้เกิดเป็นนายจ้างใจร้ายลงโทษลูกจ้างแบบรุนแรงอย่างที่เห็นในข่าวก็เป็นได้

 
  • วิธีที่ดีเมื่อเห็นคนทำผิด ต้องคิดถึงกฎแห่งกรรมว่าจะสนองคืนคนชั่วอย่างสาสมเอง ใครที่โดนทำร้ายต้องเคยทำคนอื่นไว้ก่อน 


ถ้าระลึกชาติได้จนเห็นผู้ชายใจเหี้ยมฆ่าข่มขืนร้อยศพ   แต่ปัจจุบันกลายเป็น..  เด็กน้อยน่าสงสาร        ถูกกระทำคืน เราคงไม่โกรธใครเลย แต่จะรู้สึกสลดและสงสารเขาทั้งคู่แทน 

  
         มีวิธีสร้างเกราะป้องกันเบื้องต้นด้วยการอธิษฐานทันทีที่เห็นคนทำชั่วหรือเมื่อเห็นคนเจอเรื่องร้ายว่า “ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าทำไว้ดีแล้ว ขออย่าได้มีโอกาสทำผิดแบบนี้ หรือได้ทำกรรมที่ต้องเกิดมาเป็น มาเจอเหตุการณ์แบบนี้” 

ตามด้วยการแผ่กุศลส่งให้พวกเขาทั้งหมด ขอให้ไปดีมีสุข ได้เกิดในภพภูมิที่ดีในวันหน้า กลับตัวกลับใจ อย่าได้ทำผิดบาปอย่าจองเวรกันอีกเลย   

  • การให้อภัยเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การลงโทษตามกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องทำตามสมควรนะครับ



         คนส่วนใหญ่มักด่าทอกันด้วยความโกรธ ใครเชื่อไม่เหมือนตนกลายเป็นคนเลวคนโง่ทั้งหมด อาหารว่างคือการหาข้อเสียคนอื่นมาตำหนิ พยายามสั่งสอนลูกหลานชาวบ้านให้เป็นอย่างที่ตนต้องการ แต่กลับไม่สามารถขัดเกลาคนใกล้ตัวหรือลูกหลานตนเองได้เลย 

         การตำหนิด้วยเจตนาจ้องจับผิดหรือตั้งใจยกตนข่มท่านล้วนเป็นความเลวทั้งนั้น แม้แต่การด่าแบบสุภาพด้วยการยกคำพระมาอ้างเพื่อตำหนิคนอื่นก็มีเห็นทั่วไป  

ควรพิจารณาตนให้มาก ดูแลลูกหลานและคนใกล้ตัวให้ดีก่อน จึงค่อยเผื่อแผ่มาตักเตือนแนะนำผู้อื่นด้วยความหวังดี แต่ต้องมั่นใจว่าเรารู้ลึกรู้จริง กล่าวได้ถูกเวลา ถูกบุคคล อธิบายได้ถูกระดับสติปัญญาของเขา 

         ต้องดูว่าเขายอมรับศรัทธาในตัวเราหรือไม่  ควรทำด้วยเจตนาแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกัน เพื่อรักษาความจริงหรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ต้องเคารพความคิดของอีกฝ่ายด้วย 

 
  • "ถ้ายังไม่สำเร็จเป็นพระอริยะ   อย่ามั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองรู้จะถูกต้องที่สุด" (.. คำสอนพระพุทธเจ้า ..)



ที่คิดว่าเขาโง่กว่าเรา
 บางทีเขาอาจจะฉลาดล้ำลึกกว่ามากก็ได้  แค่การอธิบายธรรมสำหรับตนเองปฏิบัติ กับธรรมะที่สำหรับเผยแพร่ไปสู่คนแต่ละกลุ่ม บางทีแง่มุม การอธิบาย การเปรียบเทียบอาจต้องมีกุศโลบาย  แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  


ตัวอย่างเช่นสอนเด็กอนุบาลด้วยการเล่าเป็นนิทานให้แง่คิด ไม่มาเสียเวลาอธิบายเหตุผลแบบผู้ใหญ่ให้เข้าใจ   คน(โง่กว่า)ผ่านมาก็ถากถางว่า.. สอนเด็กแบบนี้ปัญญาอ่อนไร้สาระ ไม่ถูกต้องไม่ถูกหลักการ 



  • ตัวอย่างคนที่ฉลาดจนดูเป็นคนโง่คือ ไอสไตน์ ที่ฉลาดกว่าครูหลายเท่า  คิดซ้อนลึกกว่าคนทั่วไปหลายชั้น จนตอนเด็กถูกครูมองว่าโง่ และสมองทึบ !!  

ถ้ามาเกิดเมืองไทย ไอสไตน์จะไม่มีทางเป็นอัจฉริยะได้เลย ด้วยระบบการศึกษาไทย และการบังคับทุกอย่างตั้งแต่เล็ก คือ เสื้อผ้าหน้าผม  

จริตของคนเป็นอัจฉริยะแนวทางหนึ่งที่เห็นกันบ่อยคือ จะมีเอกลักษณ์ในรูปลักษณ์ของตน แตกต่างคนอื่นชัดเจน  ไม่ใช่ไว้ผมยาวแล้วจะเป็นคนฉลาดคนดี  

แต่การได้เป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่รัก เลือกในสิ่งที่ชอบ (แม้แต่ทรงผม)  ทำให้จิตและสมองพัฒนาได้ดีกว่า  เสื้อผ้าในวัยเด็กที่เป็นอิสระก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง   "วินัยสอนได้ด้วยจิตสำนึกเหตุผล  ไม่ใช่การบังคับ ที่รอวันแหกกฎเสมอ" 


                                                                                                            
  • สังคมไทยเราเสื่อมลงทุกวันเพราะสุดโต่งไปสองด้าน ด่าตำหนิด้วยความโกรธ ไม่สามารถอธิบายในระดับที่เหมาะสมกับบุคคลนั้นได้ 


ขาดคำแนะนำหาทางออกให้คนทำผิดได้แก้ตัว เน้นต้องลงโทษรุนแรง ต้องกำจัดคนคิดไม่เหมือนเรา ฯลฯ  


         อีกพวกคือนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ใครจะแนะนำด้วยความหวังดีอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหา ไม่ยอมเข้าใจ ไม่ยอมฟัง  

แถมตำหนิออกมาห้าม เหมือนเห็นเด็กทำผิดแทนที่จะช่วยกันตักเตือนสั่งสอน ให้เขาไม่ต้องทำผิดหนักไปอีก   กลับบอกว่าอย่าสนใจให้ดูแต่ตัวเอง เราเป็นคนดีก็พอ  


: นิยามของลัทธิ อุเบกขาสากกะเบือ หรือ อุเบกขาที่ไม่ใช่การรู้จักวางในพรหมวิหารสี่    แต่เป็นความโง่ ความไม่ใส่ใจ การไร้ปัญญา   เกิดได้เพราะคนพวกนี้   :  คำว่าอุเบกขา ในพระไตรปิฎก บางสูตรก็หมายถึง.. ความโง่นะครับ


(อ่านบทความอื่น)
(โทรศัพท์:กดที่  =  มุมขวาบนสุด)

Popular posts from this blog

พุทธธรรม ๔.ปฏิจจสมุปบาท MP3

  พุทธธรรม-ปรับขยาย ฉบับล่าสุดครั้งที่ ๕๕   : สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ชีวิตเป็นอย่างไร บทที่ ๔.. "ปฏิจจสมุปบาท"  การที่สิ่งทั้งหลาย อาศัยกันๆ  จึงเกิดมีขึ้น , การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายโดยอาศัยกัน  เป็นหลักธรรมสำคัญ ที่แสดงความเกิดดับแห่งชีวิต และความเกิดดับแห่งทุกข์ของบุคคล  เรียกอีกชื่อว่า.. อิทัปปัจจยตา หรือ ปัจจยาการ "ปฏิจจสมุปบาท"  คือกฎธรรมชาติ หรือหลักความจริงที่มีอยู่โดยธรรมดา  ไม่เกี่ยวกับการอุบัติของพระศาสดาทั้งหลาย เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และทรงนำมาสั่งสอนแก่หมู่ประชา ผู้ที่รู้แจ้งแทงตลอดในหลักปฏิจจสมุปบาทเท่านั้น  จึงจะพ้นทุกข์ พ้นสังสารวัฎไปได้    อ่านออนไลน์ที่นี่  https://www.watnyanaves.net/th/book_detail/583 (ดาวน์โหลดกดชื่อไฟล์) 402.9M ปฏิจจสมุปบาท Full128K.zip  download 1,006.3M ปฏิจจสมุปบาท Full320K.zip  download 409.6M ปฏิจจสมุปบาท แยกหัวข้อ 128K.zip  download 1,013.0M ปฏิจจสมุปบาท แยกหัวข้อ 320K.zip  *ชื่อไฟล์มี 320K ต่อท้ายคือไฟล์คุณภาพสุงสุดเพื่อเผยแพร่...

ที่อยู่เรือนจำทั่วประเทศ เพื่อส่งสื่อคุณธรรมบริจาค

สร้างคนด้วยธรรมมีค่าและได้ประโยชน์ ครูบาอาจารย์สอนไว้ว่า  การทำให้คนที่สกปรกได้เนื้อตัวสะอาดนั้นมีค่ายิ่ง กว่าการทำให้คนที่สะอาดอยู่แล้วหอมขึ้น   มาส่งหนังสือดี ๆ  ให้ห้องสมุดเรือนจำทั่วประเทศ เป็นการทำบุญด้านมหาธรรมทาน ที่มีอานิสงส์แรงกล้าอีกด้านหนึ่ง  ที่มีโอกาสก็ควรทำนะครับ รายชื่อที่อยู่เรือนจำทั่วประเทศ ผมรวบรวมมาใหม่ หลังจากเคยจัดทำสื่อธรรมส่งให้ทั่วประเทศมาแล้ว แต่มีตีคืนหลายแห่ง  อันนี้ได้มาใหม่ ก็ไม่แน่ใจว่าถูกทั้งหมดหรือเปล่า แต่ก็น่าจะโอเค   เพราะชื่อสถานที่ หากที่อยู่พลาด แล้วไปรษณีย์ไม่งี่เง่า  เขาก็จะฉลาดพอที่จะส่งให้เองได้   คือคนดี  ๆ  ที่ทำงานโดยตรง เขาก็จะรู้นะว่า  สถานที่นี้มันอยู่ตรงไหน จะเขียนที่อยู่ผิด เขาก็ไปส่งให้ได้ เคยคุยกับคนที่ติดคุกมานาน เขาบอกหนังสือจำเป็นมาก และยังต้องการอีกมาก หากใครอ่านแล้วก็ส่งไปบริจาคกันนะครับ  ในคุกถ้าจัดการดี ๆ  เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้เลย เพราะมันไม่ต้องห่วงอนาคต ไม่ต้องคำนึงอดีต  และมีเวลาศึกษาเยอะมากครับ    (เสียดายเวลาแทน...

กฎแห่งกรรมจากพระไตรปิฎก ธรรมบท (MP3)

เสียงอ่านหนังสือชุด มนุษย์เกิดมาทำไม เล่มที่ 15  ตอน.. อรรถกถาธรรมบทแปลจากพระบาลี เรียบเรียงโดย พระอาจารย์ สุวัฒน์ สุวัฑฒโน (พิทักษ์วงษ์)   อุทยานธรรมวิปัสนามวกเหล็ก  คัมภีร์คาถาธรรมบทนั้นเป็นการศึกษาพุทธวจน พุทธคาถา เพื่อเข้าใจกฎแห่งกรรม ภพชาติ และหลักธรรมสำคัญต่าง ๆ ด้วยเรื่องเล่าประกอบ ผ่านเรื่องราวในชาดกนิทานธรรมบทเกือบสองร้อยเรื่อง ในทีนี้แบ่งเป็น 8 ภาค พร้อมภาคพิเศษในตอนสุดท้าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ กฎแห่งกรรม การปฏิบัติธรรม การบรรลุธรรมของสาวกในสมัยพุทธกาล รวมเรื่องราววิถีชีวิตของเหล่าภิกษุ สามเณร ชาวบ้านผู้ครองเรือน และนักบวชนอกศาสนา ทำให้เข้าใจลึกซึ้งขึ้นในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจพุทธวจนะ เข้าใจเรื่องราวในพระสุตตันตปิฎก คือพระสูตรทั้งหลาย ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงพระวินัยปิฎก และพระอภิธรรมปิฏกได้ชัดเจน รอบด้านมากยิ่งขึ้น    อ่าน&ดาวน์โหลดหนังสือ (PDF) ทุกเล่มของพระอาจารย์ (กดที่นี่)  ฟังแยกเป็นภาค ฟังออนไลน์ ฟังได้จากหลายแอป ZIP FILES : (ดาวน์โหลดแล้ว ต้องแตกไฟล์ด้วยโปรแกรมก่อน แนะนำ 7zip (ใช้ฟรี คลิก)    สำหรับโทรศัพท์เลือก A...

เจ้ากรรมนายเวร มีจริง??

รู้จัก..เจ้ากรรมนายเวร!! สำหรับผู้สนใจพ้นทุกข์ อันดับแรกที่ควรใส่ใจคือ ต้องเปิดใจ เผื่อใจไว้รับข้อมูลใหม่ ๆ หลายแนวทาง ด้วยใจเป็นกลาง โดยไม่เอาทิฏฐิ ความเชื่อเดิมของตนมาเป็นกำแพงไว้ก่อน    คนจำนวนมากใฝ่ดี แต่ลงเหว ก็เพราะการยึดมั่นในความเชื่อเดิมของตน    เจ้ากรรมนายเวร หากจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย และเท่าที่มีหลักฐานในพระไตรปิฎก และไม่ขัดแย้งกับหลักของกฎแห่งกรรม อาจแบ่งได้เป็นสองประเภทดังนี้  เจ้ากรรมนายเวรที่คอยส่งผลให้ชีวิตของเรา  ประเภทแรกคือ ..   หลักกฎแห่งกรรมที่ทำอะไรไว้จะมีผลสะท้อนกลับหาเราเสมอ     เหมือนเอามีดกรีดแขน    ก็ต้องเกิดแผลเจ็บปวด    วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้คร่าว   ๆ   ว่าการพูดคิดทำดี   ส่งให้เกิดคลื่นพลังงานอย่างหนึ่ง   การพูดคิดทำชั่ว   ส่งให้เกิดคลื่นพลังงานที่ตรงข้ามกัน       คลื่นพลังต่างกันจะต่อต้านกัน   พลังงานเหมือนกันจะดูดเข้าหากัน    คนมีน้ำใจเจอคนเห็นแก่ตัวจะรู้สึกขยะแขยงอย่างหาสาเหตุไม่ได้   คนชั่วเจอคนดีจะ...

พลังกรรม เปลี่ยนชะตาชีวิต

กรรมคือ.. การกระทำ ทำดี พูดดี คิดดี  เรียกว่า กรรมดีทางกาย วาจา ใจ   :  ทำชั่ว พูดชั่ว คิดชั่ว  เรียกว่า.. กรรมชั่ว ที่ทำทางกาย วาจา ใจ   แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด พอพูดถึงกรรม ก็จะนึกถึงการทำบาป ทำชั่ว   จึงควรทำความเข้าใจความหมายของคำว่า.. "กรรม" หลักกรรม-พลังงานจากกรรม   จะพยายามรักษาให้อยู่เส้นทางเดิมเสมอ   พลังกรรมแบบไหนเยอะกว่าไม่ว่าดีหรือชั่ว   เส้นทางกรรมนั้นจะเป็นใหญ่ในชีวิตเราได้ง่าย   มีพลังงานชั่วในตัวเยอะจะทำชั่วได้ง่าย   ทำบาปขึ้น   เป็นที่ชื่นชอบของคนชั่ว      ทำความดียาก   มีอุปสรรคขัดขวางทุกครั้งที่ตั้งใจทำดี   คิดจะรักษาศีลไม่ฆ่าสัตว์   จะมียุงมากัดเยอะพิเศษ     คิดไม่ด่าใคร   จะมีคนทำให้โกรธ    คิดไม่นอกใจแฟน   จะมีคนน่ารักมายั่วให้ตบะแตก   จะไปทำบุญก็มีเหตุทะเลาะกับคนไปด้วย    ตรงข้ามกับคนที่สะสมพลังงานดีไว้เยอะ   คิดจะทำชั่ว   ก็มีเหตุให้ทำไม่ได้   ดมกาวก็เหม็นทนดมไม่ไหว ...

พลังจิต-บุญให้ผลต่างกัน

จิตมีพลัง บุญแต่ละด้านให้ผลต่างกัน           “ กรรม ” เป็นเรื่อง  “ อจินไตย ” คือเรื่องที่ปุถุชนเข้าใจถูกต้องถ่องแท้ได้ยาก   ผู้จะเข้าใจได้ลึกซึ้งคือพระพุทธเจ้าหรือระดับพระอรหันต์     ดังนั้นปุถุชน ( แม้เป็นนักบวช ) ที่อ้างเป็นหมอดู   ร่างทรง   เห็นกรรม   ฝากพิจารณาว่าเชื่อได้จริงหรือ ??  เขาเคยอ่านพระไตรปิฎกหรือยัง ??   รู้จักการเจริญสติที่ถูกหรือไม่  ??  การบิดเบือนหลักธรรมโทษแรงเท่าทำร้ายพระพุทธเจ้า   หลายคนบิดเบือนหลอกลวงทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจมานาน   ส่งผลเบื้องต้นที่หน้าตาเริ่มดูเพี้ยน   หมองคล้ำ   ตาลอย   หลุกหลิก   บางคนใบหน้าบวม   บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปทรง   บางคนถึงขั้นบิดใจให้เพ้อเจ้อ   แต่งตัวประหลาด   แนวคิดเริ่มขาดเหตุผลหนักขึ้น   มักถูกดึงห่างพุทธศาสนาด้วยมอบกายถวายชีวิตบูชาผี - เทพเจ้า การไหว้เทวดาไม่ผิด   แต่ต้องไหว้แบบเด็กเคารพผู้ใหญ่   เคารพในความดีที่เขาเคยทำจนได้มาเกิดเป็นเทวดา   ไม่ใช่ไหว...

บุญ ปีชง ร่างทรง ดวง กรรม

"ทำบุญ" คือทำในสิ่งที่ส่งให้จิตเป็นกุศล และเกิดประโยชน์  " บุญ "  คนส่วนใหญ่นึกถึงแค่การบริจาคเงิน จึงทุ่มทุนซื้อบุญกันอย่างหน้ามืด ซึ่งแค่การวางจิต ( หรือเจตนา ) ต่างกัน    แม้บริจาคเท่ากันก็ได้ผลต่างกันมาก    การให้ทานเป็นบุญระดับต้นเท่านั้น    ทำบุญแต่ละด้านมีผลต่างกัน ถ้าเน้นทำบุญบรรเทากรรม ต้องเข้าใจและทำให้ตรงด้าน    เหมือนต้องรู้ว่าสารแต่ละอย่างมีอะไรเป็นตัวเสริมหรือต้านฤทธิ์ของมัน    สารพัดวิธีงมงายในหนังสือ ทีวี และแม้แต่ในวัด    ที่หลอกคนให้เสียเงิน แก้กรรม แก้ปีชง ฯลฯ ศาสนาพุทธแท้ ปฏิเสธเรื่องปีชง เรื่องดวงดาวนะครับ มีคำพระบอกไว้ว่า   " คนเขลามักคำนวนดวงดาวอยู่ "  และปีอะไรก็ไม่มีผลกับเรา มีแต่ปีไหนกรรมชั่วมันมากกว่ากรรมดีแล้วถึงเวลาให้ผลเท่านั้นเอง   :  สำหรับบางคนอาจไม่หลอกแต่เพราะเชื่อแบบนั้นจริง ๆ     คนทำสมาธิถึงจุดแล้วเห็นผีเห็นกรรมได้จริง แต่ที่เห็นอาจไม่ใช่ของจริงทั้งหมด    ตราบใดไม่เจริญสติถูกทาง จิตไม่สะอาดจริง ยังเห็นจิตเป็นเรา ยังแยกจิตผู้รู...

ตรวจดวง เสริมชะตาตัวเอง

ใครจะรู้จักเรา เท่าตัวเราเอง          หากเข้าใจเรื่อง.. กรรม ในระดับหนึ่งแล้ว (ย้อนอ่านได้ในบทก่อน)  เมื่อรู้ว่าบุญแต่ละอย่างให้ผลต่างกัน  ตัวเราเองกำลังเจอปัญหาอะไร ให้ย้อนคิดว่าเคยทำอะไรกับใครไว้บ้าง โดยเฉพาะพ่อแม่-ผู้มีศีล  สำรวจแล้วไม่มีให้มั่นใจว่าอดีตชาติต้องเคยทำ   บางคนเจอปัญหาแฟนไม่ใส่ใจ  เสียงแข็งว่าทำดีมาตลอด ย้อนถามกลับไปตอนวัยรุ่น  การปล่อยให้พ่อแม่รอ เป็นห่วง ไม่สนใจพ่อแม่  ติดแฟน ติดเพื่อน นั่นก็กรรมร้ายแรงที่ออกผลทันตาเหมือนกัน วิธีตรวจดวง เพื่อทำบุญให้ตรงด้านกับปัญหาและทุกข์ที่เจอ สรุปแล้วจะเป็นเรื่องของการผิดศีลเป็นหลัก  อธิบายคร่าว ๆ  ดังนี้          หากร่างกายพิการ   อ่อนแอ   ป่วยเป็นโรค   แพ้ง่าย   มักเกิดจากผิดศีลข้อหนึ่งในอดีต   ควรแก้หรือเสริมดวงให้ตนเอง   ด้วยการตั้งจิตไม่คิดทำร้ายคนและสัตว์เด็ดขาดตลอดชีวิต            หมั่นทำบุญด้าน   “ ให้ชีวิตเป็นทาน ” ปล่อยโค   ปล่...

พุทธคาถา เพื่อพ้นทุกข์

ขอยก .. " พุทธคาถา " สั้น ๆ มาแบ่งปัน ว่าด้วยหลักการปฏิบัติธรรม ที่ควรนำมาท่องจำใส่ใจ แล้วนำไปปฏิบัติ  คาถานี้ควรท่องบ่อย ๆ มีบุญอานิสงส์มากกว่า ท่องคาถาที่แปลไม่ออก แล้วคิดว่าขลัง จะโชคดี ซึ่งเป็นมิจฉาทิฎฐิที่ชาวพุทธจำนวนมากยังสอนและทำกัน พุทธคาถา จากพระไตรปิฎก เล่ม 18 ..... บุคคลเห็นรูปที่น่าชอบใจหรือเห็นรูปที่ไม่น่าชอบใจแล้ว พึงบรรเทาทางของราคะในรูปที่น่าชอบใจ  ( รู้เท่าทันราคะ ความชอบ ความรัก ความอยากได้ที่เกิดในใจ ) และไม่พึงเสียใจว่า ‘ รูปของเราไม่น่ารัก ’   [* รูป = สิ่งที่รู้ได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย  เช่น.. ร่างกาย คน สัตว์ สิ่งของ  :||:   นาม = สิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ  เช่น.. เวทนา (สุข-ทุกข์) ,สัญญา (ความจำได้หมายรู้) ฯ]  ได้ยินเสียงที่น่ารักและไม่น่ารักแล้ว ไม่พึงกระหายในเสียงที่น่ารัก และพึงบรรเทาความไม่ชอบใจในเสียงที่ไม่น่ารัก และไม่พึงเสียใจว่า ‘ เสียงของเราไม่น่ารัก ’ ได้ดมกลิ่นหอมที่น่าชอบใจ และได้ดมกลิ่นเหม็นที่ไม่น่าชอบใจแล้ว พึงบรรเทาความหงุดหงิดในกลิ่นที่ไม่น่าชอบใจ และไม่...

ทาน-การให้ บุญที่ต้องทำก่อน

การทำบุญมีหลายอย่าง ให้อานิสงส์แตกต่างกัน สรุปสั้นคือ ทำทาน รักษาศีล อบรมกาย-จิต หรือศึกษาได้จากบุญกิริยาวัตถุสิบประการ  หรือนำหลักในมงคล 38 ข้อที่ท่านแต่งเป็นบทสวดให้ท่องจำ เพื่อนำมาปฏิบัติ  ทั้งหมดทุกข้อนั้น นั่นคือการทำบุญแต่ละประเภท   บุญขั้นต้นที่ต้องทำคือ..  "ทาน" คือการให้ ที่แบ่งเป็นหลายประเภท คือให้ข้าว น้ำ ที่อยู่ ให้อภัย ให้ธรรมะ ให้ความรู้ ฯลฯ  พระสาวกผู้เด่นในแต่ละด้าน ล้วนเคยทำ.. "มหาทาน" มีการให้อย่างที่สุด ยากเกินกว่าคนธรรมดาจะให้ได้  ทำมาแล้วในอดีตชาติ  จึงสั่งสมมาแสดงผลเป็นความสามารถพิเศษที่ต่างกัน และส่งให้บรรลุธรรมได้โดยง่าย         ทานการให้ อาจมีอานิสงส์น้อยกว่า การรักษาศีล และเจริญสติ  แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เหมือนเป็นบันไดขั้นแรกที่ต้องมีก่อน เพื่อเอื้อต่อการก้าวไปสู่ขั้นต่อไปได้ง่าย สะดวก มั่นคง     จิตไม่ตระหนี่ จิตแห่งความเสียสละ จิตเมตตา จิตแบบนี้เท่านั้นจึงจะรักษาศีล เจริญสติสำเร็จได้จริง  ดังนั้นจึงใส่ใจกับการทำบุญให้ทาน อย่างสม่ำเสมอ ถูกต้อง ...