ขอยก.. "พุทธคาถา" สั้น ๆ มาแบ่งปัน ว่าด้วยหลักการปฏิบัติธรรม ที่ควรนำมาท่องจำใส่ใจ แล้วนำไปปฏิบัติ
คาถานี้ควรท่องบ่อย ๆ มีบุญอานิสงส์มากกว่า ท่องคาถาที่แปลไม่ออก แล้วคิดว่าขลัง จะโชคดี ซึ่งเป็นมิจฉาทิฎฐิที่ชาวพุทธจำนวนมากยังสอนและทำกัน
- พุทธคาถา จากพระไตรปิฎก เล่ม 18
..... บุคคลเห็นรูปที่น่าชอบใจหรือเห็นรูปที่ไม่น่าชอบใจแล้ว พึงบรรเทาทางของราคะในรูปที่น่าชอบใจ (รู้เท่าทันราคะ ความชอบ ความรัก ความอยากได้ที่เกิดในใจ) และไม่พึงเสียใจว่า ‘รูปของเราไม่น่ารัก’
[* รูป = สิ่งที่รู้ได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่น.. ร่างกาย คน สัตว์ สิ่งของ :||: นาม = สิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ เช่น.. เวทนา (สุข-ทุกข์) ,สัญญา (ความจำได้หมายรู้) ฯ]
- ได้ยินเสียงที่น่ารักและไม่น่ารักแล้ว ไม่พึงกระหายในเสียงที่น่ารัก และพึงบรรเทาความไม่ชอบใจในเสียงที่ไม่น่ารัก และไม่พึงเสียใจว่า ‘เสียงของเราไม่น่ารัก’
- ได้ดมกลิ่นหอมที่น่าชอบใจ และได้ดมกลิ่นเหม็นที่ไม่น่าชอบใจแล้ว พึงบรรเทาความหงุดหงิดในกลิ่นที่ไม่น่าชอบใจ และไม่พึงพอใจในกลิ่นที่น่าชอบใจ
ได้ลิ้มรสที่ไม่อร่อยและอร่อย และลิ้มรสที่ไม่อร่อยในบางคราวแล้ว ไม่พึงติดใจลิ้มรสที่อร่อย และไม่ควรยินร้ายในรสที่ไม่อร่อย
ถูกผัสสะ (การถูกต้อง สัมผัส) ที่เป็นสุขกระทบแล้วไม่พึงมัวเมา แม้ถูกผัสสะที่เป็นทุกข์กระทบแล้วก็ไม่พึงหวั่นไหว
ควรวางเฉยผัสสะทั้งสองทั้งที่เป็นสุขและเป็นทุกข์ ไม่ควรยินดี ไม่ควรยินร้ายกับผัสสะอะไรๆ
- ก็บุคคลบรรเทาใจที่อาศัยกามคุณห้าทั้งปวงแล้ว (คือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส) ย่อมเปลี่ยนจิตให้ประกอบด้วยเนกขัมมะ (การละเว้นบาป การออกบวช)
ในกาลใดที่บุคคลอบรมใจดีแล้วในอารมณ์ ๖ ประการอย่างนี้ในกาลนั้นจิตของเขาถูกสุขสัมผัสหรือทุกขสัมผัสกระทบแล้วย่อมไม่หวั่นไหวในที่ไหนๆ ครอบงำราคะและโทสะได้แล้วย่อมเป็นผู้ถึงจุดจบแห่งความเกิดและความตาย (นิพพาน)”
ข้อความจาก.. พระไตรปิฎก เล่มที่ 18
----------------
บทสวดที่สมัยพุทธกาลท่านแต่งให้สวด จุดประสงค์คือการแปลแล้วนำมาท่องได้ง่าย จดจำได้ง่าย เพื่อสืบต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า และหลักธรรม ให้ท่องแล้วนำมาปฏิบัติ เพื่อพ้นทุกข์ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน
- ไม่ใช่คาถาขลัง ท่องเฉย ๆ แล้วจะร่ำรวยโชคดี (เมื่อจิตเป็นกุศล มีศีล มีปัญญา มีการให้ทาน จิตเมตตา พลังจิตแบบนี้เท่านั้น จะดึงดูดสิ่งดี ๆ คนดี ๆ งานดี ๆ เข้ามาในชีวิต : อย่าลืมเรื่องกรรมชาติก่อนด้วย)
ให้สังเกตว่า.. การนำพระคาถานี้ไปท่อง แล้วปฏิบัติตาม สามารถทำได้ในทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ และเมื่อทำได้ ก็ถือเป็นการออกบวชเช่นกัน (เนกขัมมะ)
ไม่จำเป็นต้องไปทำพิธี หรือต้องห่มเหลือง ก็ถือว่าได้บวชอยู่กับบ้าน ได้อานิสงส์ มีโอกาสบรรลุธรรมได้ ตราบเท่าที่มีความเพียรต่อเนื่อง
ไม่จำเป็นต้องไปทำพิธี หรือต้องห่มเหลือง ก็ถือว่าได้บวชอยู่กับบ้าน ได้อานิสงส์ มีโอกาสบรรลุธรรมได้ ตราบเท่าที่มีความเพียรต่อเนื่อง
- ข้อนี้เป็นบุญใหญ่สุด เมื่อเจริญสติ วางจิตได้ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จิตที่มีสติ จะเกิดศีลโดยอัตโนมัติ (ศีล.. คือการไม่เบียดเบียน ผู้มีสติย่อมไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น)
เมื่อมีศีล มีปัญญา จะเกิดการให้ทานอย่างถูกต้องตามมา ด้วยจิตที่กิเลสเบาบาง ย่อมให้ทานอย่างสม่ำเสมอ และเกิดประโยชน์ได้จริง
ศาสนาไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่าย แต่ถ้าเข้าใจหลัก เข้าใจแก่น เราก็สามารถหาสิ่งที่ง่ายที่สุด สำหรับตัวเราได้ จากที่อัดเสียงธรรมมาหลายแนว พระคาถานี้ ถือเป็นหลักธรรมที่เหมาะสมกับคนยุคปัจจุบันมาก และไม่ได้ยากเกินไป
หากคุณไม่มีเวลาศึกษาพระไตรปิฎกได้จบทั้งหมด หลักการนี้ จะมีประโยชน์ และนำไปสู่สัมมาทิฎฐิ ไปสู่การพ้นทุกข์ได้ โดยที่อาจไม่ต้องรู้อะไรมากเลยก็ได้ครับ
Comments