"ทำบุญ" คือทำในสิ่งที่ส่งให้จิตเป็นกุศล และเกิดประโยชน์ "บุญ" คนส่วนใหญ่นึกถึงแค่การบริจาคเงิน จึงทุ่มทุนซื้อบุญกันอย่างหน้ามืด ซึ่งแค่การวางจิต(หรือเจตนา)ต่างกัน แม้บริจาคเท่ากันก็ได้ผลต่างกันมาก การให้ทานเป็นบุญระดับต้นเท่านั้น
ทำบุญแต่ละด้านมีผลต่างกัน ถ้าเน้นทำบุญบรรเทากรรม ต้องเข้าใจและทำให้ตรงด้าน เหมือนต้องรู้ว่าสารแต่ละอย่างมีอะไรเป็นตัวเสริมหรือต้านฤทธิ์ของมัน สารพัดวิธีงมงายในหนังสือ ทีวี และแม้แต่ในวัด ที่หลอกคนให้เสียเงิน แก้กรรม แก้ปีชง ฯลฯ
ศาสนาพุทธแท้ ปฏิเสธเรื่องปีชง เรื่องดวงดาวนะครับ มีคำพระบอกไว้ว่า "คนเขลามักคำนวนดวงดาวอยู่" และปีอะไรก็ไม่มีผลกับเรา มีแต่ปีไหนกรรมชั่วมันมากกว่ากรรมดีแล้วถึงเวลาให้ผลเท่านั้นเอง
: สำหรับบางคนอาจไม่หลอกแต่เพราะเชื่อแบบนั้นจริง ๆ คนทำสมาธิถึงจุดแล้วเห็นผีเห็นกรรมได้จริง แต่ที่เห็นอาจไม่ใช่ของจริงทั้งหมด ตราบใดไม่เจริญสติถูกทาง จิตไม่สะอาดจริง ยังเห็นจิตเป็นเรา ยังแยกจิตผู้รู้ออกมาไม่ได้ ฯลฯ (การดูดวงดาวเป็นสถิติเท่านั้น)
พลังสมาธิบวกจิตที่ยังมีกิเลส (โมหะ) จะสร้างภาพหลอกแนบเนียนจนเชื่อสนิท เคยมีข้อมูลเดิมฝังใจแต่เด็กหรือชาติก่อนอย่างไร จะปรุงแต่งภาพอีกมิติให้ต่างกันไป หรือให้หลงเชื่อว่าตนเองเป็นร่างทรงนั้น ร่างทรงนี้ ทั้งที่ปกติแล้วศีล 5 ยังมีไม่ครบเลย
คิดหรือว่าเทพเจ้าชั้นสูงท่านจะมาประทับกับร่างทรงประเภทนี้ หลายคนเป็นโรคทางจิต เป็นไบโพลา จึงหลงคิดว่าตนเป็นผู้วิเศษ ซึ่งควรได้รับการรักษา แต่กลับปรากฏมีคนดี ๆ ไปกราบไหว้คนบ้าพวกนี้จำนวนมาก มากจนไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว (บางคนอ้างทรงพระพุทธเจ้า บาปหนักมาก)
ตัวอย่าง.. คนไทยตายแล้วฟื้น มักเห็นยมทูตนุ่งผ้าแดง แต่ฝรั่งเห็นยมทูตรูปร่างต่างไป ซึ่งอาจเห็นจริงหรือแค่มโนภาพก็ได้ ครูบาอาจารย์บอกว่าคนไทยตกนรกเจอต้นงิ้ว แต่ฝรั่งตกนรกไม่เห็นต้นงิ้ว แต่ทรมานเหมือนกัน
แม้อยู่ในสถานที่จริงแต่ภาพที่เห็นอาจเป็นคนละเรื่อง เกิดจากจิตปรุงแต่งหรือจิตละเอียดต่างกัน เทวดาชั้นต่ำไม่สามารถมองเห็นเทวดาชั้นสูงกว่ายกเว้นท่านจะเปิดให้เห็นได้
- แนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนที่คิดว่าทำบุญไว้ดีแล้ว ถ้าไปไหนแล้วกลัวผี ให้อธิษฐานว่า... ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าทำไว้ดีแล้ว ขอให้ต่างคนต่างไม่เห็นกัน ขอให้ต่างคนต่างอยู่ อย่าได้เบียดเบียน-มีเวรต่อกัน ขอน้อมบุญกุศลส่งให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ปราศจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น.. แรงบุญของเราจะช่วยป้องกันได้
มนุษย์ที่ฝึกสมาธิได้ขั้นสูงแต่ไม่ได้บรรลุอริยะ ตายไปเกิดเป็นพรหม ยังเกิดมิจฉาทิฐิ เข้าใจเรื่องโลกทิพย์ผิดจากความจริงทั้งที่เป็นเทพชั้นสูงสุด มีกล่าวในพระไตรปิฎกเป็นตัวอย่าง
ดังนั้นจะหวังอะไรกับนักบวช หรือคนธรรมดาศีลไม่ครบ พระไตรปิฎกไม่เคยอ่าน ความรู้ธรรมถูกต้องไม่มี โดยเฉพาะไม่เคยฝึกเจริญสติจนเห็นสภาวะธรรม การทำงานของจิตได้แจ่มแจ้ง เมื่อเห็นไม่ชัดและรู้ธรรมะไม่จริง จะอธิบายและบอกทางแก้ที่ถูกต้องได้อย่างไร ??
หลายคนอาจเห็นผีเห็นกรรมจริง ก็คล้ายชาวนาไปยืนดูหมอผ่าตัดคนไข้ แม้ได้เห็นของจริงต่อหน้า แต่ใช่ว่าจะเข้าใจ จดจำไปผ่ารักษาคนอื่นได้.การเห็นโลกวิญญาณของบางคน อาจเป็นแค่บางส่วนจาก 31 ภพภูมิเท่านั้น
พอนำมาเล่าโดยขาดการศึกษาให้แตกฉาน จึงไม่ต่างกับคนไปเที่ยวป่าแอฟริกาแค่ที่เดียว แต่กลับมายืนยันเสียงแข็งว่า.. คนต่างชาติทุกคนล้วนตัวดำ น่ากลัว ป่าเถื่อน !!
คนเห็นกรรมคนอื่นได้ชัดจริงและบอกทางแก้ได้ถูกต้องควรเป็น... พระอริยะเท่านั้น ซึ่งท่านคงไม่เอามาหากินหรือโปรโมทกันจนเวอร์ คงไม่มาตั้งพิธีตัดกรรม ให้แก้กรรมด้วยการเสียเงินให้ท่าน
ส่วนมากเน้นสอนปฏิบัติเพื่อรู้เห็นกรรมด้วยตนเอง เน้นสร้างกุศลเพื่อพัฒนาตนเป็นหลัก ถ้าจะพูดเรื่องกรรมและวิธีแก้ของใคร ต้องจำเป็นจริง โดยมากจะพูดกับศิษย์ที่ใกล้ชิดเท่านั้น และวิธีแก้จะมีอย่างเดียวคือ.. "การปฏิบัติธรรม ทำความดี ทำบุญสร้างกุศล"
ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีฤกษ์ ไม่ต้องตั้งเครื่องเซ่น ปรับฮวงจุ้ย ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ ไม่ต้องหาวัตถุมาแขวนแก้กรรม หรือเอาอะไรมาห้อยคอให้วุ่นวาย ใครจะดูกรรมได้ตรงหรือไม่ อาจไม่สำคัญเท่าบอกวิธีแก้ได้ถูกทางและถูกธรรมหรือไม่มากกว่า ( ย้ำว่าใช้คำ.. "แก้กรรม" เพื่อให้เข้าใจง่ายเท่านั้น )
- ดวงดีหรือร้ายอยู่ที่ตัวเราเอง : มีความดี สร้างจิตกุศลไว้มากแค่ไหน ชีวิตก็จะมีดวงดีตามน้ำหนักกุศลที่สะสมไว้ ดวงไม่ดีจะเจอเหตุร้าย ก็ต้องเพราะกรรมชั่ว และอกุศลจิตที่สะสมไว้ (อดีตชาติสะสมมายาวนาน) ไม่มีใครทำให้ใครโชคดีหรือโชคร้ายได้ เหมือนใครกินข้าวคนนั้นอิ่ม ไม่มีใครอิ่มแทน หรือสั่งให้เราอิ่มได้ ถ้าเทวดาจะช่วยเราได้ ก็ต้องเพราะฐานบุญที่เรามีมากพอด้วย ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่สอนให้พึ่งตนเอง และบอกว่ามนุษย์ทุกคนมีศักยภาพทำบุญได้สูงสุด และพ้นทุกข์ได้ด้วยตนเอง
(อ่านบทความอื่น)
(โทรศัพท์:กดที่ = มุมขวาบนสุด)