"ศาสนาพุทธ" ไม่ถือว่าเพศไหนน่ารังเกียจ มีแค่ห้ามชายใจหญิงบวชเป็นพระเท่านั้น (อ่านเหตุผลด้านล่าง) นักบวชที่แสดงตนรังเกียจคนอื่น แสดงให้เห็นธาตุแท้ว่า.. ไม่ใช่ผู้ถึงธรรม
หลักกรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา แค่บอกว่า.. ทำอะไรจึงเกิดเป็นอะไร ท่านบอกสาเหตุของโอกาสที่จะก่อทุกข์ให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องเสี่ยงทุกข์ในอนาคตอีก
แต่หากใครไม่สนใจอยากเป็นแบบนั้นต่อไป ก็ไม่มีใครประณาม หากรักษาศีล ปฏิบัติธรรมได้ถูกต้อง จะเห็นจริงตามคำพระท่านสอนไว้ได้ด้วยตนเองว่า..
- “จิตบริสุทธิ์ไม่มีเพศ” สุดท้ายทุกคนต้องมุ่งไปสู่จุดที่ไม่มีเพศในบั้นปลายอยู่ดี และการบรรลุธรรม ไม่จำเป็นต้องบวช การบวชสำหรับคนที่พร้อมจริงเท่านั้น (เปรียบเทียบการไม่รับคนพิการเป็นทหาร-ตำรวจ)
ฆราวาสจำนวนมาก มีโอกาสทำดีได้มาก ปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ กว่าพระที่มีแต่กิจนิมนต์ และวินัยรัดตัว จนทำให้ไม่คล่องตัว ครูบาอาจารย์ผู้แตกฉานในธรรมที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ก็ต้องสึกออกมาเป็นฆราวาส เพราะปัญหาสุขภาพ
หากเป็นเกย์แล้วมีความสุขดี ปฏิบัติธรรมได้ดี ทำประโยชน์ให้สังคมได้ ก็ไม่ควรใส่ใจกับเสียงนินทาของชาวบ้านที่ตะโกนลับหลังว่า “เสียชาติเกิด วิปริตผิดเพศ”
เพราะคนเหล่านั้นไม่มีคุณค่าให้ใส่ใจในขณะที่พวกเขาอาจเป็นได้แค่.. “สัตว์ตัวผู้-ตัวเมีย ที่มีชีวิตอยู่เพื่อคิดแค่เรื่องผสมพันธ์เท่านั้น”
เรื่องน่าอายหรือน่ารังเกียจควรเป็นเรื่องของนิสัยและสันดานมากกว่า ผู้ชายไม่ดูแลครอบครัว หลอกฟันแล้วทิ้ง ไม่เคยสร้างความดี เป็นคนไร้ค่า
ไม่เหลือความเป็นลูกผู้ชายได้เท่า.. ทอมหรือกระเทยที่รักจริง เลี้ยงดูพ่อแม่และทำประโยชน์ให้สังคม
- ฝากถึงคนที่ยังภูมิใจ พอใจในการเป็นเกย์ ก็ควรยึดมั่นในการทำดี มีน้ำใจยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรกับคนรอบข้างทุกเพศทุกวัย แต่งตัวให้เหมือนชาวโลกปกติ ทำได้แบบนี้คนส่วนใหญ่เขาไม่รังเกียจหรอกครับ
ที่มีปัญหาส่วนมากเป็นเพราะปฏิกิริยาตอบโต้ที่เกิดจากจิตที่คอยระแวงคนอื่นจะมองแง่ลบ ผลสะท้อนเลยต้องทำตัวแรงแบบร้าย ๆ หรือพยายามทำตัวโดดเด่นจนกลายเป็นตัวประหลาด และดูน่ารังเกียจ ไม่น่าคบหาได้ในที่สุด
จะพูดให้ตรงคือ .. บางทีคนเขาไม่ได้อยากรังเกียจ แต่การรู้สึกมีปมอยู่ในใจลึก ๆ ที่ต้องแสดงออกจนผิดธรรมชาติเกินพอดีนั่นแหละ มันก็อดที่จะให้คนเขารังเกียจไม่ได้
- หากคุณเป็นเกย์ที่รู้สึกทุกข์ใจและอยากเปลี่ยนสภาพตนเอง อยากเปลี่ยนลูกหรืออยากได้แนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้ตกอยู่สภาพแบบนี้
มีหลักแนะนำเบื้องต้นคือ.. เลี่ยงกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นเกย์ซึ่งกล่าวไว้ข้างต้น จิตที่ยึดติดเรื่องเพศรุนแรงอาจส่งให้เกิดข้อมูลสร้างรูปกายตรงข้ามกับใจ
การคลั่งไคล้ชอบเกินพอดีมีผลเท่ากับการเกลียดเกินพอดีเช่นกัน “เกลียดอะไร ได้แบบนั้น”
ยิ่งเกลียดตุ๊ดเกย์ นึกด่าในใจทุกครั้งที่เห็นที่เจอ จะเกิดวิบากสะสมในจิต มีโอกาสดึงวิญญาณที่จะได้เกิดเป็นตุ๊ดมาเข้าท้องเป็นลูก หรือได้ชายรสนิยมสองแบบมาเป็นสามี
สังเกตไหมว่า.. เวลาเกลียดอะไรนึกภาพปุ๊บมันเกิดชัดในใจปั๊บ แล้วเลือนหายจากใจได้ยาก ยิ่งเกลียดมากจิตยิ่งฝังข้อมูลไว้ลึกและเข้มข้นมาก
เมื่อเกิดใหม่มีโอกาสที่จะส่งให้จิตสร้างรูปกายเป็นอย่างที่เคยเกลียดฝังใจไว้ซะเอง
- พระท่านถึงสอนว่าเจออะไรให้สักแต่รู้ สักแต่เห็น อย่าชอบอย่าชัง อย่าว่าเขา วางใจเป็นกลาง ฯลฯ
เคยเจอมากับตาที่เห็นคนเกลียดตุ๊ดได้ลูกเป็นตุ๊ดกันหลายครอบครัว เป็นกรรมทันตาในปัจจุบันและยังไม่นับกับชาติหน้าที่อาจต้องไปเกิดผิดเพศซะเองอีกต่างหาก
การกล่าวปรามาสบุคคลอื่นโดยเฉพาะผู้ทรงศีลหรือผู้มีบุญ เห็นท่านเรียบร้อย หรืออาจมีกิริยาคล้ายผู้หญิง ก็เผลอลบหลู่ในใจหรือพูดออกมา
เป็นกรรมน่าติเตียนที่ส่งผลในอนาคตให้เรามีโอกาสเป็นตุ๊ด หรือทำให้เรามีกิริยาเหมือนตุ๊ดให้คนเขานึกด่าหรือดูถูกในใจอย่างที่เราเคยทำไว้ได้เช่นกัน
- โปรดจำไว้ว่าเป็นตุ๊ด-ทอม.. ไม่ได้น่ารังเกียจสำหรับคนที่จิตใจมีคุณธรรม
แต่คนส่วนใหญ่ดีหรือชั่วมากกว่ากัน?? นั่นคือเหตุผลว่า คนกลุ่มหนึ่งจะเกลียดได้แม้ไม่ต้องทำความชั่วอะไร และมันยังเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ที่จะรู้สึกต่อต้านสิ่งที่แตกต่างจากตนเองหรือคนหมู่มากไว้ก่อน
เรื่องตลกร้าย ถ้าได้อ่านตามเว็บบอร์ดวัยรุ่นทั่วไป เราจะพบคนที่มาเขียนด่า ค่อนขอด เหยียดผู้ชายหน้าหวาน หรือแนวเรียบร้อย ในเชิงว่าเป็นตุ๊ดแน่ ไล่ให้ไปผ่าตัดแปลงเพศ ฯลฯ ซึ่งคนที่เขียนด่าแบบนี้ มักจะเป็นเกย์หรือตุ๊ดซะเอง
- ต่างเรียกร้องสิทธิ ไม่อยากให้คนดูถูกกลุ่มตัวเอง แต่ตัวเอง ยังอดไม่ได้ ที่จะดูถูกคนอื่น ซึ่งบางครั้ง คนที่ว่าเขาเป็นผู้ชายแท้ด้วยซ้ำ
มันแสดงให้เห็นว่า กรรมจากการผิดศีล มันทำให้รู้สึกผิดธรรมชาติ จนยากจะยอมรับ แม้ตัวเองจะเป็นด้วยก็ตาม ถึงบอกไงครับ คนที่จะไม่รังเกียจคนอื่น ต้องจิตใจเปี่ยมด้วยเมตตา และเข้าใจหลักกรรมจริง
เรื่องเกย์.. หลายศาสนาดูเหมือนจะโดนแทรกแทรงจากอคติส่วนตัวของผู้นำในรุ่นหลังบางคน ที่ทำให้รู้สึกว่ามีการบิดเบือนคำสอนพระศาสดา
- จนเกิดเป็นคำสอนว่าเกย์เป็นบาปร้ายแรง ต้องกำจัดทิ้ง มีการลงโทษให้ติดคุกและแขวนคอ
หากใครได้ศึกษาธรรมะกันจริงจัง จะรู้ว่าศาสดาแต่ละองค์ท่านเปี่ยมเมตตา มีปัญญาสูงขนาดไหน ไม่น่าที่จะให้ลงโทษผลักไส รังเกียจหรือฆ่าคนได้แค่มีความชอบในสิ่งที่มันไม่ได้ทำร้ายใครเลย จริงไหม ??
ศาสนาถูกคนชั่วอ้างคำสอนฆ่าคน อ้างเพื่อผลประโยชน์ให้ตัวเอง ก็ทำกันให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
หากเชื่อว่าเราเป็นเกย์จากกรรมที่ผิดศีลข้อสาม ก็ต้องตั้งใจรักษาศีลข้อนี้ให้บริสุทธิ์ให้ได้ ซื่อสัตย์ต่อคนรัก อย่าแอบมีกิ๊ก
ต้องอดทนในทุกข์เพราะรักที่ต้องเจอจากกรรมเก่า โอกาสถูกหลอกโดนนอกใจจะมีสูงมากสำหรับเกย์ จนหลายคนเข็ดขยาด ไม่เชื่อมั่นในรักแท้ ปล่อยตัวผิดศีลหนักขึ้นไปอีก
- สิ่งที่เจอในปัจจุบันคิดว่าหนักแล้วใช่ไหมครับ ?? แต่รับรองว่าถ้ายังผิดศีล ปล่อยตัวมั่วกามต่อไป อนาคตจะเจอหนักยิ่งกว่านี้อีกหลายร้อยเท่าแน่นอน !!
คนที่ศึกษาปฏิบัติธรรมเต็มที่ อดทนทำดีครบทุกด้านให้มากพอเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสบรรเทากรรม สร้างพลังงานดีในตัวออกไปดึงดูดเอาคนรักดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิตได้
แต่ส่วนใหญ่คนที่จะอดทนทำได้ถึงขั้นนี้มีน้อยมาก อย่ามัวน้อยใจในชะตาชีวิตที่แสนอาภัพ เพราะหญิงชายปกติก็ทุกข์เพราะรักไม่ต่างกัน มีข่าวฆ่ากันประจำ
- สำหรับคนที่ตั้งใจจริงอยากหายเป็นเกย์ในชาตินี้ ครูบาอาจารย์แนะนำว่ามีวิธีเดียวคือการปฏิบัติธรรมให้จริงจัง ให้เริ่มต้นด้วยทำทานระดับที่ทำได้
สวดมนต์ทำสมาธิ และที่สำคัญคือถือศีลแปดให้บริสุทธิ์สัก 1-2 ปี ถ้าเจริญสติฝึกดูจิต-ดูกายให้ถูกทางด้วยจะดีมาก
เมื่อถือศีลแปดหยุดเสพกามมาสักระยะ จะเห็นชัดว่าถ้าไม่มีความต้องการทางเพศแล้ว เพศอะไรนั้นไม่สำคัญเลย จิตบริสุทธิ์ไม่มีเพศ จะเริ่มรู้ตามความจริง จิตเข้าสู่ปกติไม่บิดเบี้ยว
บางรายอาจรู้สึกกลับมามีอารมณ์กับเพศตรงข้าม บางรายไม่รู้สึกอะไรกับใครและเห็นชัดว่าจะเป็นสุขกว่าที่ได้ครองพรหมจรรย์
- จะทำได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผลที่ได้อาจไม่ใช่กลับเป็นเพศปกติ แต่อาจได้ผู้ทรงศีลมาให้กราบไหว้เพิ่มอีกหนึ่งท่าน
การหวังให้ใครสักคนหายเป็นเกย์ต้องให้เจ้าตัวเต็มใจอยากเลิกเป็นด้วยตนเอง ไม่ใช่การบังคับลูกแต่งงาน หรือจับไปบวชขณะต่อมตุ๊ดแตกขึ้นสมอง
นอกจากไม่หายแล้วยังส่งบาปใหญ่ถึงพ่อแม่ด้วยฐานทำร้ายศาสนาให้ดูมัวหมอง ซึ่งเป็นบาปหนักเทียบเท่าการทำร้ายพระพุทธเจ้าเลยทีเดียว
หากเป็นเกย์ไม่ได้ออกสาว มีจริตเหมือนชายปกติไปบวชแล้วตั้งใจปฏิบัติจริงจัง สำรวมตนอยู่ในศีลยังพออนุโลมได้
- แต่ถ้าแค่ไปห่มเหลือง แล้วเอาแต่นั่งนอน ไม่ปฏิบัติ กรี๊ดกร๊าดไม่สำรวม ตายเมื่อไหร่ได้เกิดใหม่จะรู้ว่า แค่โอกาสจะได้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานยังยากเลย
ครูบาอาจารย์กล่าวไว้ว่า.. หากเข้าใจเพศสภาวะของตัวเองแล้ว โดยเฉพาะชายที่มีจิตใจเป็นหญิง ก็ไม่ควรเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุ
ศาสนาไม่ได้กีดกันแต่ต้องเข้าใจว่าการบวชมีไว้สำหรับคนที่พร้อมเท่านั้น การปฏิบัติธรรมไม่ต้องบวชก็บรรลุธรรมได้
การเป็นพระจุดประสงค์หนึ่งเพื่อเป็นหลักใจให้ศาสนิกได้ยึดถือ และเพื่อการเผยแพร่พระธรรมสืบต่อไป หากมีภาพของนักบวชที่ทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธาจะทำให้ศาสนาตั้งอยู่ได้ไม่นาน
- ท่านวางกฎไว้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมในระยะยาว เกย์ที่เป็นลูกที่ดี มีศีล ทำประโยชน์ให้สังคม ยังจะมีบุญส่งถึงพ่อแม่ได้จริงกว่าการบวชแล้วไปทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในพระสงฆ์ ซึ่งเป็นบาปใหญ่ถึงพ่อแม่ด้วย
อย่าคิดว่าต้องบวชตามประเพณี ลองค้นพระไตรปิฎกซิว่า มีคำสั่งจากพระพุทธเจ้าตรงไหนให้ชายทุกคนต้องบวช สมัยพุทธกาลเขาบวชเมื่อพร้อมจะทำนิพพานให้แจ้งเท่านั้น
* คำขานนาคมีคำถามว่า.. เป็นชายใช่ไหม?? ถ้าจิตภายในตอบชัดว่าเราเป็นหญิง ก็ไม่เหมาะที่จะบวชแล้ว
สำหรับเกย์หรือกระเทยที่อยากจะบวชให้ได้จริง ๆ ควรโกนหัวห่มขาวไปอยู่วัด ปฏิบัติถือศีลแปดให้ได้สัก 1-2 ปีก่อน
- เหมือนดั่งพระในสายหลวงปู่ชา พระฝรั่งหลายรูป (ไม่ได้เป็นเกย์) ก็ทำแบบนี้ เขาเรียกว่าบวชเป็น.. “อนาคาริก” คือถือศีลแปด โกนหัว นุ่งขาว
ปฏิบัติไปจนจิตตั้งมั่นในธรรม และตอบได้ชัดว่าเป็นผู้ไม่ยึดติดทางเพศ จิตไม่บิดเบี้ยวไม่รู้สึกว่าตนเป็นหญิง ไม่รู้สึกว่าชอบผู้ชายแล้ว
จิตแบบนี้ถึงเหมาะที่จะบวชเป็นพระภิกษุได้แบบน่าอนุโมทนา เวลาขานนาคจะตอบว่าเป็นชายได้เต็มปากเต็มใจ
ผมเชื่อว่าถ้าพระพุทธเจ้ายังอยู่ ถ้าจะทรงอนุญาตให้เกย์ กะเทยบวชได้ ท่านน่าจะต้องตั้งวินัยหรือกฎให้เฉพาะต่างหากเหมือนที่มีกฎพิเศษเพิ่มสำหรับภิกษุณี
ยกตัวอย่างการถูกเนื้อต้องตัวผู้ชายไม่อาบัติ เพราะชายแท้ไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าพระเป็นเกย์ แน่นอนว่า.. การถูกเนื้อต้องตัวเด็กหนุ่ม ชายหนุ่ม หรือแม้แต่พระด้วยกันย่อมทำให้จิตหวั่นไหว
- การร่วมชายคาเดียวกัน หากชาวบ้านรู้ว่ามีพระเป็นเกย์ อาจทำให้เกิดคำครหานินทา ทำให้ศรัทธาเสื่อมได้
การไม่ปฏิบัติธรรมจริงจัง การดูทีวีฟังเพลง กินอาหารหลังเพล ล้วนสะสมให้เกิดกิเลสราคะแรงกล้าจนตบะแตกกันมาเยอะ มีจำนวนมากที่ตอนแรกตั้งใจปฏิบัติดี แต่ด้วยทนต่อกิเลสไม่ไหว พระเณรหุ่นดีผิวดี
- ธรรมชาติของมนุษย์ที่หากไม่มีสุขจากการปฏิบัติธรรมมาทดแทน จิตย่อมโหยหาในกาม สุดท้ายจึงได้กันเองในวัด มีเป็นข่าวและยังไม่เป็นข่าวอีกไม่รู้เท่าไหร่
มีหลายข้อตามพระวินัยที่มองเห็นได้ชัดว่า ท่านตั้งกฎไว้เพื่ออะไร กันพระหนุ่มออกมาจากหญิงสาว เพื่อการทำความเพียรได้ง่ายขึ้น เรื่องเพศมีผลต่อหมู่คณะ ควรแยกแต่ละเพศให้มีการปฏิบัติต่างกันอย่างไร
- ทำไมภิกษุณีถึงต้องมีกฎเข้มงวดมากกว่า เพื่อความเรียบร้อยและสง่างามของหมู่สงฆ์อย่างไร
ถ้าเข้าใจตรงนี้จะรู้เลยว่า.. จำเป็นต้องมีข้อปลีกย่อยอีกมาก หากมีเพศสภาพที่ไม่ตรงกัน แต่นี่หมายถึงการอยู่รวมของหมู่สงฆ์และภาพขององค์กรสงฆ์
แต่สำหรับการศึกษาธรรม การเป็นคนดี ไม่มีข้อแม้ให้สำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยอยู่แล้ว
ทางที่ดีคือ เป็นคนดีในคราบของฆราวาสจะดีกว่า เพราะบรรลุอริยะได้เช่นกัน ถ้าอยากปลีกวิเวกปฏิบัติจริงจัง
- ควรเลือกเดินตามรอยของการปฏิบัติตนแบบ “อนาคาริก” ( โกนหัวนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล8 ) แล้วค่อยบวชทีหลังจะเหมาะสมที่สุด
หมายเหตุ : คนธรรมดาที่ไม่ใช่เกย์หากไปบวชแล้วไม่ปฏิบัติ ทำภาพให้หมู่สงฆ์เสียหาย ถือว่าได้ทำลายพระพุทธศาสนา มีบาปร้ายแรงเทียบเท่าทำร้ายพระพุทธเจ้าเช่นกัน
พวกบวชตามประเพณีนี่ หลวงพ่อท่านว่าตกนรกกันมาก บาปกรรมความซวยติดตัว สึกออกมาแล้วเจริญฮวบ ๆ ให้เห็นทันตามีมากมาย
- บวชแล้วไม่ปฏิบัติ ไม่รักษาวินัย ผิดศีลกินมาม่า/สาหร่าย หลายคนไม่ได้ปลงอาบัติก่อนสึก เงินที่เขาทำบุญ เขาทำกับศาสนา สึกแล้วต้องถวายคืนวัดให้หมด
เอาออกมาเท่ากับขโมยของสงฆ์ หลายเรื่องเป็นบาปใหญ่แต่กลับไม่มีการสอนให้เข้าใจ
สำหรับคนที่ผิดแบบไม่รู้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ยังทำกรรมดีบรรเทาความผิดได้เสมอ ตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ในวันนี้ ทำทานให้เป็นประจำ รักษาศีล หมั่นฟังธรรมศึกษาธรรม คือทางออกที่ดีที่สุด